<< ก่อน < สารบัญ > หลัง>>

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานียิ่งเสมอ

บทนูฮฺ (Nuh)

إِنَّا أَرْسَلْنَا نُوحًا إِلَى قَوْمِهِ أَنْ أَنذِرْ قَوْمَكَ مِن قَبْلِ أَن يَأْتِيَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ  (1)

1. แท้จริง เราได้ส่งนูฮฺไปยังหมู่ชนของเขา เรากล่าวว่า เจ้าอจง ตักเตือนหมู่ชนของเจ้า ก่อนที่การลงโทษอันเจ็บปวดจะมาถึงพวกเขา

قَالَ يَا قَوْمِ إِنِّي لَكُمْ نَذِيرٌ مُّبِينٌ  (2)

2. เขากล่าวว่า โอ้ หมู่ชนของฉัน แท้จริงฉันคือผู้ตักเตือนอันชัดแจ้งสำหรับพวกเจ้า

أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ وَاتَّقُوهُ وَأَطِيعُونِ  (3)

3. พวกเจ้าจงเคารพภักดีอัลลอฮฺเถิด จงสำรวมตนจากการลงโทษของพระองค์และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามฉัน

يَغْفِرْ لَكُم مِّن ذُنُوبِكُمْ وَيُؤَخِّرْكُمْ إِلَى أَجَلٍ مُّسَمًّى إِنَّ أَجَلَ اللَّهِ إِذَا جَاءَ لَا يُؤَخَّرُ لَوْ كُنتُمْ تَعْلَمُونَ  (4)

4. พระองค์จะทรงอภัยโทษในความผิดของสูเจ้า ทรงผ่อนผันสูเจ้าจนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกําหนดไว้ เนื่องจากเมื่อวาระของอัลลอฮฺมาถึงจะไม่ยืดเวลาให้ล่าช้าออกไปอีก หากสูเจ้าได้รู้

قَالَ رَبِّ إِنِّي دَعَوْتُ قَوْمِي لَيْلًا وَنَهَارًا  (5)

5. (นูฮฺ) กล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าฯ แท้จริงข้าฯ ได้เชิญชวนหมู่ชนของข้าฯ ทั้งราตรีและทิวากาล 

فَلَمْ يَزِدْهُمْ دُعَائِي إِلَّا فِرَارًا  (6)

6. ทว่าการเชิญชวนของข้าฯ มิได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่พวกเขา นอกจากการหลบหนี

وَإِنِّي كُلَّمَا دَعَوْتُهُمْ لِتَغْفِرَ لَهُمْ جَعَلُوا أَصَابِعَهُمْ فِي آذَانِهِمْ وَاسْتَغْشَوْا ثِيَابَهُمْ وَأَصَرُّوا وَاسْتَكْبَرُوا اسْتِكْبَارًا  (7)

7. แท้จริง ทุกครั้งที่ข้าฯเชิญชวนพวกเขา เพื่อพระองค์จะได้อภัยโทษให้พวกเขา พวกเขากับก็เอานิ้วอุดรูหูของพวกเขาไว้ และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลุมตัวจนมิด พวกเขาดื้อรั้น และหยิ่งผยองด้วยความยโสโอหัง

ثُمَّ إِنِّي دَعَوْتُهُمْ جِهَارًا  (8)

8. ครั้นแล้วข้าฯได้เชิญชวนพวกเขา (ให้เชื่อฟัง) ด้วยเสียงอันดัง

ثُمَّ إِنِّي أَعْلَنتُ لَهُمْ وَأَسْرَرْتُ لَهُمْ إِسْرَارًا  (9)

9. ข้าฯได้ประกาศแก่พวกเขาอย่างเปิดเผย ข้าฯได้อธิบาย (แก่นแท้ของความเป็นเอกะและความศรัทธา) อย่างลับ ๆ แก่พวกเขา

فَقُلْتُ اسْتَغْفِرُوا رَبَّكُمْ إِنَّهُ كَانَ غَفَّارًا  (10)

10. ข้าฯได้กล่าวแก่พวกเขาว่า สูเจ้าจงขออภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของเจ้าเถิด แท้จริง พระองค์ทรงเป็นผู้อภัยโทษอย่างแท้จริง

يُرْسِلِ السَّمَاءَ عَلَيْمكُمْ مِدرَارًا (11)

11. พระองค์จะหลั่ง (น้ำฝน) จากฟากฟ้าอย่างต่อเนื่องแก่สูเจ้า

وَيُمْدِدْكُمْ بِأَمْوَالٍ وَبَنِينَ وَيَجْعَل لَّكُمْ جَنَّاتٍ وَيَجْعَل لَّكُمْ أَنْهَارًا  (12)

12. พระองค์จะทรงเพิ่มพูนทรัพย์สินและบุตรหลานมากมายแก่สูเจ้า ทรงให้สวนอันเขียวขจีและธารน้ำที่มีน้ำไหลรินหลากหลายแก่สูเจ้า

مَّا لَكُمْ لَا تَرْجُونَ لِلَّهِ وَقَارًا  (13)

13. เพราะเหตุอันใดสูเจ้าจึงไม่สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ

وَقَدْ خَلَقَكُمْ أَطْوَارًا  (14)

14.ขณะที่พระองค์ทรงสร้างสูเจ้าตามลําดับขั้นตอนที่แตกต่าง

أَلَمْ تَرَوْا كَيْفَ خَلَقَ اللَّهُ سَبْعَ سَمَاوَاتٍ طِبَاقًا  (15)

15. สูเจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้น ๆ ได้อย่างไร

وَجَعَلَ الْقَمَرَ فِيهِنَّ نُورًا وَجَعَلَ الشَّمْسَ سِرَاجًا  (16)

16. พระองค์ทรงทำให้ดวงเดือนในชั้นฟ้าเหล่านั้นมีแสงสว่าง และทรงทำให้ดวงตะวันมีแสงเจิดจ้า

وَاللَّهُ أَنبَتَكُم مِّنَ الْأَرْضِ نَبَاتًا  (17)

17. อัลลอฮฺ ทรงบังเกิดสูเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินเช่นพืชผัก

ثُمَّ يُعِيدُكُمْ فِيهَا وَيُخْرِجُكُمْ إِخْرَاجًا  (18)

18. ทรงทำให้สูเจ้ากลับคืนสู่แผ่นดิน และ (ในวันฟื้นคืนชีพ) ทรงให้สูเจ้าออกมาอีกครั้ง

وَاللَّهُ جَعَلَ لَكُمُ الْأَرْضَ بِسَاطًا  (19)

19. อัลลอฮฺทรงทำให้แผ่นดินราบเรียบกว้างใหญ่สำหรับสูเจ้า

لِتَسْلُكُوا مِنْهَا سُبُلًا فِجَاجًا  (20)

20. เพื่อสูเจ้าจะได้สัญจรไปมาตามพื้นที่โล่งกว้างนั้น

قَالَ نُوحٌ رَّبِّ إِنَّهُمْ عَصَوْنِي وَاتَّبَعُوا مَن لَّمْ يَزِدْهُ مَالُهُ وَوَلَدُهُ إِلَّا خَسَارًا  (21)

21. นูฮฺกล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าฯ แท้จริง พวกเขาได้ฝ่าฝนข้าฯ พวกเขาเชื่อฟังผู้ที่มิได้เพิ่มพูนทรัพย์สินและลูกหลานอันใดแก่พวกเขา นอกจากการขาดทุน

وَمَكَرُوا مَكْرًا كُبَّارًا  (22)

22. พวกเขาได้วางแผนร้ายอันยิ่งใหญ่

وَقَالُوا لَا تَذَرُنَّ آلِهَتَكُمْ وَلَا تَذَرُنَّ وَدًّا وَلَا سُوَاعًا وَلَا يَغُوثَ وَيَعُوقَ وَنَسْرًا  (23)

23. พวกเขากล่าวว่า พวกเจ้าอย่าได้ทอดทิ้งพระเจ้าทั้งหลายของพวกเจ้าเป็นอันขาด พวกเจ้าอย่าได้ทอดทิ้งวัดดฺ สุวาอฺ ยะฆูษ ยะอูก และนัสรฺ เป็นอันขาด

وَقَدْ أَضَلُّوا كَثِيرًا وَلَا تَزِدِ الظَّالِمِينَ إِلَّا ضَلَالًا  (24)

24. แน่นอน พวกเขาได้ทำให้หมู่ชนจำนวนมากหลงผิด ดังนั้น ขอพระองค์อย่าได้เพิ่มสิ่งใดแก่ผู้อธรรมเหล่านั้น นอกจากการหลงผิดเท่านั้น

مِمَّا خَطِيئَاتِهِمْ أُغْرِقُوا فَأُدْخِلُوا نَارًا فَلَمْ يَجِدُوا لَهُم مِّن دُونِ اللَّهِ أَنصَارًا  (25)

25. อันเนื่องมาจากความผิดอันมากหลายของพวกเขา  พวกเขาจึงถูกจมน้ำตาย และถูกให้เข้าอยู่ในไฟนรก ดังนั้น พวกเขาจะไม่พบผู้ช่วยเหลือคนใดสำหรับพวกเขา นอกจากอัลลอฮฺ

وَقَالَ نُوحٌ رَّبِّ لَا تَذَرْ عَلَى الْأَرْضِ مِنَ الْكَافِرِينَ دَيَّارًا  (26)

26. นูฮฺกล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าฯ ขออย่าได้ปล่อยให้พวกปฏิเสธหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินแม้แต่คนเดียว

إِنَّكَ إِن تَذَرْهُمْ يُضِلُّوا عِبَادَكَ وَلَا يَلِدُوا إِلَّا فَاجِرًا كَفَّارًا  (27)

27. เพราะถ้าพระองค์ทรงปล่อยให้พวกเขาหลงเหลืออยู่ พวกเขาจะทำให้ปวงบ่าวของพระองค์หลงผิด และพวกเขาจะให้กําเนิดเฉพาะพวกเลวทราม และพวกปฏิเสธเท่านั้น

رَبِّ اغْفِرْ لِي وَلِوَالِدَيَّ وَلِمَن دَخَلَ بَيْتِيَ مُؤْمِنًا وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ وَلَا تَزِدِ الظَّالِمِينَ إِلَّا تَبَارًا  (28)

28. โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าฯ ขอทรงอภัยโทษแก่ข้าฯ แก่บิดามารดาของข้าฯ แก่ผู้ที่เข้ามาในบ้านของข้าฯ ด้วยความศรัทธา และแก่บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง และขอพระองค์อย่าได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกอธรรม นอกจากความพินาศหายนะเท่านั้น


<< ก่อน < สารบัญ > หลัง>>