<< ก่อน < สารบัญ > หลัง>>

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานียิ่งเสมอ
บทมุฮัมมัด (Muhammad)
الَّذِينَ كَفَرُوا وَصَدُّوا عَن سَبِيلِ اللَّهِ أَضَلَّ أَعْمَالَهُمْ  (1)

1. บรรดาผู้ปฏิเสธและขัดขวางทางของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงทำให้การงานของพวกเขาสูญหาย

وَالَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَآمَنُوا بِمَا نُزِّلَ عَلَى مُحَمَّدٍ وَهُوَ الْحَقُّ مِن رَّبِّهِمْ كَفَّرَ عَنْهُمْ سَيِّئَاتِهِمْ وَأَصْلَحَ بَالَهُمْ  (2)

2. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาที่กระทำความดีทั้งหลาย พวกเขาศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่มุฮัมมัด และสัจธรรมทั้งหลายอันมาจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระองค์จะทรงลบล้างความผิดของพวกเขา และทรงปรับปรุงการงานของพวกเขา

ذَلِكَ بِأَنَّ الَّذِينَ كَفَرُوا اتَّبَعُوا الْبَاطِلَ وَأَنَّ الَّذِينَ آمَنُوا اتَّبَعُوا الْحَقَّ مِن رَّبِّهِمْ كَذَلِكَ يَضْرِبُ اللَّهُ لِلنَّاسِ أَمْثَالَهُمْ  (3)

3. ทั้งนี้เนื่องจากว่าบรรดาผู้ปฏิเสธได้ปฏิบัติตามความเท็จ ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตามสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เช่นนี้ อัลลอฮฺทรงยกอุปมาของพวกเขาเป็นอุทาหรณ์แก่ปวงมนุษย์

فَإِذا لَقِيتُمُ الَّذِينَ كَفَرُوا فَضَرْبَ الرِّقَابِ حَتَّى إِذَا أَثْخَنتُمُوهُمْ فَشُدُّوا الْوَثَاقَ فَإِمَّا مَنًّا بَعْدُ وَإِمَّا فِدَاءً حَتَّى تَضَعَ الْحَرْبُ أَوْزَارَهَا ذَلِكَ وَلَوْ يَشَاءُ اللَّهُ لَانتَصَرَ مِنْهُمْ وَلَكِن لِّيَبْلُوَ بَعْضَكُم بِبَعْضٍ وَالَّذِينَ قُتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ فَلَن يُضِلَّ أَعْمَالَهُمْ  (4)

 4. เมื่อสูเจ้าเผชิญหน้าบรรดาผู้ปฏิเสธ (ในสนามรบ) จงฟันที่คอของพวกเขา จนกว่าเจ้าจะพิชิตพวกเขาได้ เมื่อถึงตอนนั้นจงจับพวกเชลยไว้ให้แน่นหนา หลังจากนั้นจงสร้างบุญคุณ (โดยปล่อยพวกเขาเป็นอิสระ) หรือจะเรียกาค่าไถ่ก็ได้ (จงทำเช่นนั้นต่อไป) จนกระทั่งสงครามได้ยุติภารอันหนักอึ้งลง เช่นนั้นแหละ ถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์พระองค์จะทรงกำราบพวกเขา แต่พระองค์ทรงประสงค์ที่จะทดสอบสูเจ้าบางคนด้วยบางคน ส่วนบรรดาผู้ที่ถูกสังหารบนหนทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะไม่ทรงทำลายการงานของพวกเขาเป็นอันขาด

سَيَهْدِيهِمْ وَيُصْلِحُ بَالَهُمْ  (5)

5. พระองค์จะทรงชี้นำทางพวกเขาในไม่ช้านี้ และจะทรงปรับปรุงการงานของพวก

وَيُدْخِلُهُمُ الْجَنَّةَ عَرَّفَهَا لَهُمْ  (6)

6. พระองค์ทรงให้พวกเขาเข้าสรวงสวรรค์ซึ่งพระองค์ทรงแจ้งให้พวกเขารู้แล้ว

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِن تَنصُرُوا اللَّهَ يَنصُرْكُمْ وَيُثَبِّتْ أَقْدَامَكُمْ  (7)

7. โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา หากสูเจ้าช่วยเหลือ (ศาสนาของ) อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือสูเจ้า และจะทรงตรึงเท้าของสูเจ้าให้มั่นคง

وَالَّذِينَ كَفَرُوا فَتَعْسًا لَّهُمْ وَأَضَلَّ أَعْمَالَهُمْ  (8)

8. ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธ ความหายนะจงประสบแก่พวกเขา และพระองค์ทรงทำลายการงานของพวกเขา

ذَلِكَ بِأَنَّهُمْ كَرِهُوا مَا أَنزَلَ اللَّهُ فَأَحْبَطَ أَعْمَالَهُمْ  (9)

9. ทั้งนี้เนื่องจากว่า พวกเขาเกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา พระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขา่สูญสลาย

أَفَلَمْ يَسِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَيَنظُرُوا كَيْفَ كَانَ عَاقِبَةُ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ دَمَّرَ اللَّهُ عَلَيْهِمْ وَلِلْكَافِرِينَ أَمْثَالُهَا  (10)

10. พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปบนแผ่นดินดอกหรือ เพื่อจะได้พิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใด อัลลอฮฺได้ทรงทำลายล้างพวกเขา และสำหรับพวกปฏิเสธก็จะถูกลงโทษเช่นเดียวกัน

ذَلِكَ بِأَنَّ اللَّهَ مَوْلَى الَّذِينَ آمَنُوا وَأَنَّ الْكَافِرِينَ لَا مَوْلَى لَهُمْ  (11)

11. ทั้งนี้เนื่องจากว่าอัลลอฮฺ ทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธา ส่วนพวกปฏิเสธนั้นไม่มีผู้คุ้มครอง

إِنَّ اللَّهَ يُدْخِلُ الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِن تَحْتِهَا الْأَنْهَارُ وَالَّذِينَ كَفَرُوا يَتَمَتَّعُونَ وَيَأْكُلُونَ كَمَا تَأْكُلُ الْأَنْعَامُ وَالنَّارُ مَثْوًى لَّهُمْ  (12)

12. แน่นอน อัลลอฮฺทรงนำบรรดาผู้ศรัทธาที่กระทำความดีทั้งหลายเข้าสู่สรวงสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างมีธารน้ำหลายสายไหลผ่าน ขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธจะหลงระเริงอยู่กับความสวยงาม และบริโภคเยี่ยงปศุสัตว์ ซึ่งไฟนรกคือสถานที่พำนักของพวกเขา

وَكَأَيِّن مِّن قَرْيَةٍ هِيَ أَشَدُّ قُوَّةً مِّن قَرْيَتِكَ الَّتِي أَخْرَجَتْكَ أَهْلَكْنَاهُمْ فَلَا نَاصِرَ لَهُمْ  (13)

13. กี่เมืองมาแล้วที่มีกำลังเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้าที่ขับไล่เจ้าออกมา เราได้ทำลายล้างพวกเขา ซึ่งไม่มีผู้ใดช่วยเหลือพวกเขา

أَفَمَن كَانَ عَلَى بَيِّنَةٍ مِّن رَّبِّهِ كَمَن زُيِّنَ لَهُ سُوءُ عَمَلِهِ وَاتَّبَعُوا أَهْوَاءَ هُمْ  (14)

14. ดังนั้น ผู้ที่มีหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของเขา จะเหมือนกับผู้ถูกประดับด้วยการงานที่ชั่วร้าย และปฏิบัติตามอำนาจฝ่ายต่ำของตนกระนั้นหรือ

مَثَلُ الْجَنَّةِ الَّتِي وُعِدَ الْمُتَّقُونَ فِيهَا أَنْهَارٌ مِّن مَّاءٍ غَيْرِ آسِنٍ وَأَنْهَارٌ مِن لَّبَنٍ لَّمْ يَتَغَيَّرْ طَعْمُهُ وَأَنْهَارٌ مِّنْ خَمْرٍ لَّذَّةٍ لِّلشَّارِبِينَ وَأَنْهَارٌ مِّنْ عَسَلٍ مُّصَفًّى وَلَهُمْ فِيهَا مِن كُلِّ الثَّمَرَاتِ وَمَغْفِرَةٌ مِّن رَّبِّهِمْ كَمَنْ هُوَ خَالِدٌ فِي النَّارِ وَسُقُوا مَاءً حَمِيمًا فَقَطَّعَ أَمْعَاءَهُمْ  (15)

 15. อุปมาของสรวงสวรรค์ซึ่งได้ถูกสัญญาไว้แก่บรรดาผู้สำรวมตน เสมือน (สวน) มีธารน้ำใสบริสุทธิ์หลายสายไม่ส่งกลิ่นเหม็น มีธารน้ำนมหลายสายที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง มีธารสุราบริสุทธิ์หลายสายให้รสชาติอร่อยแก่ผู้ดื่ม มีธารน้ำผึ้งบริสุทธิ์หลายสาย สำหรับพวกเขาในสวรนั้นมีผลไม้นานาชนิดอันอุดมสมบูรณ์ (ประเสริฐยิ่งไปกว่านั้น) มีการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจะเหมือนกับผู้ที่พำนักอยู่ในไฟนรกตลอดกาล และต้องดื่มน้ำร้อนจัด ซึ่งมันได้ตัดลําไสของพวกเขากระนั้นหรือ

وَمِنْهُم مَّن يَسْتَمِعُ إِلَيْكَ حَتَّى إِذَا خَرَجُوا مِنْ عِندِكَ قَالُوا لِلَّذِينَ أُوتُوا الْعِلْمَ مَاذَا قَالَ آنِفًا أُوْلَئِكَ الَّذِينَ طَبَعَ اللَّهُ عَلَى قُلُوبِهِمْ وَاتَّبَعُوا أَهْوَاءَهُمْ  (16)

16. ในหมู่พวกเขามีบางคนเงี่ยหูฟังเจ้า เมื่อพวกเขาออกพ้นไปจากเจ้า พวกเขาก็จะกล่าว (ด้วยความตื่นเต้น) ต่อผู้มีความรู้ที่สอนสั่งพวกเขาว่า เมื่อสักครู่นี้ (ชายคนนี้) เขาพูดอะไรหรือ พวกเขาคือกลุ่มชนที่อัลลอฮฺทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขา และพวกเขาปฏิบัติตามอำนาจฝ่ายต่ำของตน

وَالَّذِينَ اهْتَدَوْا زَادَهُمْ هُدًى وَآتَاهُمْ تَقْواهُمْ  (17)

17. ส่วนผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง พระองค์ทรงเพิ่มทางนำแก่พวกเขา และทรงประทานความยำเกรงให้แก่พวกเขา

فَهَلْ يَنظُرُونَ إِلَّا السَّاعَةَ أَن تَأْتِيَهُم بَغْتَةً فَقَدْ جَاءَ أَشْرَاطُهَا فَأَنَّى لَهُمْ إِذَا جَاءَتْهُمْ ذِكْرَاهُمْ  (18)

18. ดังนั้น พวกเขา (พวกปฏิเสธ) มิได้คอยสิ่งใดนอกจากยามอวสาน ซึ่งมันจะมาหาพวกเขาอย่างฉับพลัน (เวลานั้นพวกเขาจะศรัทธา) ขณะที่เครื่องหมายต่างๆ ก็เคยมีมาแล้วแต่ถ้ามันได้มาถึงพวกเขา การรำลึก (ความศรัทธา) ของพวกเขาจะไม่มีประโยชนอันใดอีก 

فَاعْلَمْ أَنَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَاسْتَغْفِرْ لِذَنبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ مُتَقَلَّبَكُمْ وَمَثْوَاكُمْ  (19)

19. ฉะนั้น พึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ จงขออภัยโทษต่อความผิดเพื่อตัวเจ้าเอง และเพื่อบรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิง อัลลอฮฺ ทรงรู้ดียิ่งถึงพฤติการณ์และสถานที่พำนักของสูเจ้า

وَيَقُولُ الَّذِينَ آمَنُوا لَوْلَا نُزِّلَتْ سُورَةٌ فَإِذَا أُنزِلَتْ سُورَةٌ مُّحْكَمَةٌ وَذُكِرَ فِيهَا الْقِتَالُ رَأَيْتَ الَّذِينَ فِي قُلُوبِهِم مَّرَضٌ يَنظُرُونَ إِلَيْكَ نَظَرَ الْمَغْشِيِّ عَلَيْهِ مِنَ الْمَوْتِ فَأَوْلَى لَهُمْ  (20)

 20. บรรดาผู้ศรัทธากล่าวว่า เพราะเหตุใดจึงไม่มีซูเราะฮฺต่างๆ ถูกประทานลงมา (ซึ่งในนั้นระบุถึงการสงคราม) ครั้นเมื่อซูเราะฮฺหนึ่งที่ชัดเจนถูกประทานลงมาและได้ระบุถึงการสงคราม เจ้าจะเห็นพวกที่จิตใจของพวกเขามีโรคจ้องมองจ้า เสมือนการมองของคนใกล้ตาย ฉะนั้น (ความตาย) คู่ควรสำหรับพวกเขา

طَاعَةٌ وَقَوْلٌ مَّعْرُوفٌ فَإِذَا عَزَمَ الْأَمْرُ فَلَوْ صَدَقُوا اللَّهَ لَكَانَ خَيْرًا لَّهُمْ  (21)

21. การภักดีและคําพูดที่ดีเหมาะสมยิ่งสำหรับเขา ดังนั้น เมื่อการสงครามเป็นที่แน่นอน และพวกเขาพูดจริงต่ออัลลอฮฺ ก็จะเป็นการดีสำหรับพวกเขา

فَهَلْ عَسَيْتُمْ إِن تَوَلَّيْتُمْ أَن تُفْسِدُوا فِي الْأَرْضِ وَتُقَطِّعُوا أَرْحَامَكُمْ  (22)

22. ถ้าหากสูเจ้าได้กลับมา (จากบัญชาดังกล่าว) สูเจ้าหวังว่า จะได้ก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน และตัดสัมพันธ์กับเครือญาติของสูเจ้ากระนั้นหรือ

أُوْلَئِكَ الَّذِينَ لَعَنَهُمُ اللَّهُ فَأَصَمَّهُمْ وَأَعْمَى أَبْصَارَهُمْ  (23)

23. ชนเหล่านี้คือกลุ่มชนที่อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเขา ดังนั้น พระองค์ทรงทำให้พวกเขาหูหนวก และทรงทำให้ดวงตาของพวกเขาบอดมืด

أَفَلَا يَتَدَبَّرُونَ الْقُرْآنَ أَمْ عَلَى قُلُوبٍ أَقْفَالُهَا  (24)

24. พวกเขามิได้ใคร่ครวญอัล-กุรอานดอกหรือ หรือว่าหัวใจของพวกเขามีกุญแจอันเฉพาะหลายดอกลั่นอยู่

إِنَّ الَّذِينَ ارْتَدُّوا عَلَى أَدْبَارِهِم مِّن بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُمُ الْهُدَى الشَّيْطَانُ سَوَّلَ لَهُمْ وَأَمْلَى لَهُمْ  (25)

25. แท้จริง บรรดาผู้ที่แนวทางอันถูกต้องได้ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาผินหลังให้ ชัยฏอนจึง (ใช้พฤติกรรมทราม) ล่อลวงพวกเขา และให้พวกเขามีความหวังอันยาวไกล

ذَلِكَ بِأَنَّهُمْ قَالُوا لِلَّذِينَ كَرِهُوا مَا نَزَّلَ اللَّهُ سَنُطِيعُكُمْ فِي بَعْضِ الْأَمْرِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ إِسْرَارَهُمْ  (26)

26. ทั้งนี้เนื่องจาก พวกเขาได้กล่าวแก่บรรดาผู้เกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาว่า เราจะเชื่อฟังปฏิบัติตามเจ้าในบางกิจการ ขณะที่อัลลอฮฺทรงทราบความลับของพวกเขาเป็นอย่างดี

فَكَيْفَ إِذَا تَوَفَّتْهُمْ الْمَلَائِكَةُ يَضْرِبُونَ وُجُوهَهُمْ وَأَدْبَارَهُمْ  (27)

27. แล้ว (สภาพของพวกเขา) จะเป็นเช่นใด เมื่อมลาอิกะฮฺมาถอดชีวิตของพวกเขา โดยตีใบหน้าและหลังของพวกเขา

ذَلِكَ بِأَنَّهُمُ اتَّبَعُوا مَا أَسْخَطَ اللَّهَ وَكَرِهُوا رِضْوَانَهُ فَأَحْبَطَ أَعْمَالَهُمْ  (28)

28. ทั้งนี้เนื่องจาก พวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่สร้างความกริ้วโกรธแด่อัลลอฮฺ และรังเกียจความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้น (อัลลอฮฺ) จึงทำลายการงานของพวกเขา

أَمْ حَسِبَ الَّذِينَ فِي قُلُوبِهِم مَّرَضٌ أَن لَّن يُخْرِجَ اللَّهُ أَضْغَانَهُمْ  (29)

29. บรรดาผู้ที่จิตใจของพวกเขามีโรคคิดว่า อัลลอฮฺจะไม่ทรงเผยความอิจฉาริษยาของพวกเขาให้เป็นที่ประจักษ์กระนั้นหรือ

وَلَوْ نَشَاءُ لَأَرَيْنَاكَهُمْ فَلَعَرَفْتَهُم بِسِيمَاهُمْ وَلَتَعْرِفَنَّهُمْ فِي لَحْنِ الْقَوْلِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ أَعْمَالَكُمْ  (30)

30. ถ้า (สมมุติว่า) เราประสงค์ แน่นอน เราจะเปดเผยพวกเขาแก่เจ้า แล้วเจ้าจะรู้จักพวกเขาด้วยสัญลักษณ์ของพวกเขา เจ้าจะรู้จักพวกเขาจากน้ำเสียงการพูด และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงการงานของสูเจ้า

وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ حَتَّى نَعْلَمَ الْمُجَاهِدِينَ مِنكُمْ وَالصَّابِرِينَ وَنَبْلُوَ أَخْبَارَكُمْ  (31)

31. แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้า เพื่อเราจะได้รู้จักบรรดานักต่อสู้และผู้มีความอดทนที่แท้จริงในหมู่สูเจ้า และเราจะทดสอบข่าวสารของพวกเธอ

إِنَّ الَّذِينَ كَفَرُوا وَصَدُّوا عَن سَبِيلِ اللَّهِ وَشَاقُّوا الرَّسُولَ مِن بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُمُ الهُدَى لَن يَضُرُّوا اللَّهَ شَيْئًا وَسَيُحْبِطُ أَعْمَالَهُمْ  (32)

32. แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธที่ขัดขวางแนวทางของอัลลอฮฺและต่อต้านเราะซูล หลังจากทางนำอันถูกต้องได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว  แน่นอน พวกเขาไม่อาจก่ออันตรายใดๆ แก่อัลลอฮฺได้เป็นอันขาด พระองค์จะทำลายการงานของพวกเขาในไม่ช้านี้

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا أَطِيعُوا اللَّهَ وَأَطِيعُوا الرَّسُولَ وَلَا تُبْطِلُوا أَعْمَالَكُمْ  (33)

33. โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงุุภักดีต่ออัลลอฮฺ และจงภักดีต่อเราะซูล และจงอย่าทำลายการงานของสูเจ้า

إِنَّ الَّذِينَ كَفَرُوا وَصَدُّوا عَن سَبِيلِ اللَّهِ ثُمَّ مَاتُوا وَهُمْ كُفَّارٌ فَلَن يَغْفِرَ اللَّهُ لَهُمْ  (34)

34. แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธที่ขัดขวางแนวทางของอัลลอฮฺ พวกเขาได้ตายขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธ อัลลอฮฺจะไม่อภัยโทษแก่พวกเขาเด็ดขาด

فَلَا تَهِنُوا وَتَدْعُوا إِلَى السَّلْمِ وَأَنتُمُ الْأَعْلَوْنَ وَاللَّهُ مَعَكُمْ وَلَن يَتِرَكُمْ أَعْمَالَكُمْ  (35)

35. ดังนั้น สูเจ้าจงอย่าท้อแท้ และโน้มน้าว (ศัตรู) ไปสู่การสงบศึกขณะที่พวกจ้าได้เปรียบ อัลลอฮฺทรงอยู่กับสูเจ้า และไม่ทรงลิดรอน (ผลตอบแทน) การงานของสูเจ้า

إِنَّمَا الحَيَاةُ الدُّنْيَا لَعِبٌ وَلَهْوٌ وَإِن تُؤْمِنُوا وَتَتَّقُوا يُؤْتِكُمْ أُجُورَكُمْ وَلَا يَسْأَلْكُمْ أَمْوَالَكُمْ  (36)

36. แน่นอน การใช้ชีวิตบนโลกนี้เป็นเพียงการละเล่นและความสนุกร่าเริงเท่านั้น ถ้าหากสูเจ้าศรัทธาและมีความสำรวมตน พระองค์จะทรงประทานรางวัลของสูเจ้าแก่เจ้า และจะไม่ทรงขอทรัพย์สินของสูเจ้าจากเจ้า

إِن يَسْأَلْكُمُوهَا فَيُحْفِكُمْ تَبْخَلُوا وَيُخْرِجْ أَضْغَانَكُمْ  (37)

37. มาตรว่าพระองค์ทรงขอทรัพย์สินและอ้อนวอนสูเจ้าจริง สูเจ้าก็จะแสดงความตระหนี่ถี่เหนียว และพระองค์จะทรงเผยความอคติของสูเจ้าอออกมาให้ประจักษ์

هَاأَنتُمْ هَؤُلَاءِ تُدْعَوْنَ لِتُنفِقُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ فَمِنكُم مَّن يَبْخَلُ وَمَن يَبْخَلْ فَإِنَّمَا يَبْخَلُ عَن نَّفْسِهِ وَاللَّهُ الْغَنِيُّ وَأَنتُمُ الْفُقَرَاء وَإِن تَتَوَلَّوْا يَسْتَبْدِلْ قَوْمًا غَيْرَكُمْ ثُمَّ لَا يَكُونُوا أَمْثَالَكُمْ  (38)

38. พึงรู้ไว้เถิด สูเจ้าคือหมู่ชนที่ถูกเรียกร้องให้บริจาคในหนทางของอัลลอฮฺ แต่มีบางคนในหมู่สูเจ้าเป็นผู้ตระหนี่ ดังนั้น ผู้ใดตระหนี่เท่ากับเขาได้ตระหนี่กับตัวเอง อัลลอฮฺทรงมั่งมี ส่วนสูเจ้ายากจนขัดสน และถ้าสูเจ้าเผินหลังออก พระองค์จะทรงเปลี่ยนหมู่ชนอื่นแทนสูเจ้า ซึ่งพวกเขาจะไม่เป็นเยี่ยงสูเจ้า


<< ก่อน < สารบัญ > หลัง>>