<< ก่อน < สารบัญ > หลัง >>

ด้วยพระนามแห่งอัลลฮฺ พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานียิ่งเสมอ

ลุกมาน (Luqman)

الم  (1)

1.อะลิฟ ลาม มีม

تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ الْحَكِيمِ  (2)

2.นี่คือบรรดาโองการแห่งคัมภีร์อันชัดแจ้ง

هُدًى وَرَحْمَةً لِّلْمُحْسِنِينَ  (3)

3.เป็นทางนำและเป็นเมตตาแก่บรรดาผู้กระทำความดี

الَّذِينَ يُقِيمُونَ الصَّلوةَ وَيُؤْتُونَ الزَّكَوةَ وَهُم بِالْآخِرَةِ هُمْ يُوقِنُونَ  (4)

4.ได้แก่ผู้ดำรงนมาซและบริจาคซะกาต และพวกเขาเชื่อมั่นต่อวันปรโลก

أُوْلَئِكَ عَلَى هُدًى مِّن رَّبِّهِمْ وَأُوْلَئِكَ هُمُ الْمُفْلِحُونَ  (5)

5.พวกเขาอยู่บนทางนำจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ

وَمِنَ النَّاسِ مَن يَشْتَرِي لَهْوَ الْحَدِيثِ لِيُضِلَّ عَن سَبِيلِ اللَّهِ بِغَيْرِ عِلْمٍ وَيَتَّخِذَهَا هُزُوًا أُولَئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ مُّهِينٌ  (6)

6.มนุษย์บางกลุ่มซื้อคำพูดที่ไร้สาระ เพื่อหลอกลวงผู้คนที่ปราศจากความรู้ให้หลงออกจากทางของอัลลอฮฺ ถือเอาโองการของพระเจ้าเป็นเรื่องขบขัน พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ

وَإِذَا تُتْلَى عَلَيْهِ آيَاتُنَا وَلَّى مُسْتَكْبِرًا كَأَن لَّمْ يَسْمَعْهَا كَأَنَّ فِي أُذُنَيْهِ وَقْرًا فَبَشِّرْهُ بِعَذَابٍ أَلِيمٍ  (7)

7. เมื่อบรรดาโองการของเราถูกอ่านแก่เขา เขาก็หันหลังให้ด้วยความยโส ประหนึ่งว่าไม่ได้ยินโองการเหล่านั้น เสมือนหูของเขาหนวก ดังนั้น จงแจ้งข่าวการลงโทษอันเจ็บปวดแก่เขา

إِنَّ الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ لَهُمْ جَنَّاتُ النَّعِيمِ  (8)

8.แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาที่กระทำความดีงามทั้งหลาย สวนที่เต็มไปด้วยโปรดปรานอันหลากหลายแห่งสวรรค์เป็นของพวกเขา

خَالِدِينَ فِيهَا وَعْدَ اللَّهِ حَقًّا وَهُوَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ  (9)

9.พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่เป็นสัญญาอันแน่นอนของอัลลอฮฺ พระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ

خَلَقَ السَّمَاوَاتِ بِغَيْرِ عَمَدٍ تَرَوْنَهَا وَأَلْقَى فِي الْأَرْضِ رَوَاسِيَ أَن تَمِيدَ بِكُمْ وَبَثَّ فِيهَا مِن كُلِّ دَابَّةٍ وَأَنزَلْنَا مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَنبَتْنَا فِيهَا مِن كُلِّ زَوْجٍ كَرِيمٍ  (10)

 10. พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยปราศจากเสาที่เจ้าจะมองเห็น ทรงแผ่ขุนเขาไว้ในแผ่นดินอย่างมั่นคงเพื่อสูเจ้าจะได้ไม่สั่นคอน ทรงให้ปศุสัตว์ทุกชนิดแพร่หลายไปในแผ่นดิน เราได้หลั่งฝนลงมาจากฟากฟ้า และ (ด้วยน้ำฝนนั้น) เราได้ให้พืชมีค่าทุกชนิดงอกเงยออกมาเป็นคู่ ๆ อย่างดีงาม

هَذَا خَلْقُ اللَّهِ فَأَرُونِي مَاذَا خَلَقَ الَّذِينَ مِن دُونِهِ بَلِ الظَّالِمُونَ فِي ضَلَالٍ مُّبِينٍ  (11)

11.นี่คือการสร้างของอัลลอฮฺ ดังนั้น สูเจ้าจงแสดงให้ข้าเห็นซิว่า พระเจ้าองค์อื่นนอกจากพระองค์ได้สร้างสิ่งใดขึ้นมาบ้าง ทว่าบรรดาผู้อธรรมอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง

وَلَقَدْ آتَيْنَا لُقْمَانَ الْحِكْمَةَ أَنِ اشْكُرْ لِلَّهِ وَمَن يَشْكُرْ فَإِنَّمَا يَشْكُرُ لِنَفْسِهِ وَمَن كَفَرَ فَإِنَّ اللَّهَ غَنِيٌّ حَمِيدٌ  (12)

12.แน่นอน เราได้ประทานวิทยปัญญาแก่ลุกมาน (เรากล่าวกับเขา) ว่า จงขอบพระคุณต่ออัลลอฮฺ ผู้ใดขอบคุณ แท้จริง เขาได้ขอบคุณตัวเอง ส่วนผู้ใดปฏิเสธ (จะไม่มีผลเสียต่อพระเจ้า) แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงพอเพียง และทรงได้รับการสรรเสริญ

وَإِذْ قَالَ لُقْمَانُ لِابْنِهِ وَهُوَ يَعِظُهُ يَا بُنَيَّ لَا تُشْرِكْ بِاللَّهِ إِنَّ الشِّرْكَ لَظُلْمٌ عَظِيمٌ  (13)

13.จงรำลึกถึงเมื่อลุกมานได้กล่าวแก่บุตรของเขา ขณะที่เขากำลังสั่งสอนบุตรว่า โอ้ ลูกเอ๋ย เจ้าจงอย่าตั้งภาคีเทียบเคียงอัลลอฮฺ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอย่างมหันต์

وَوَصَّيْنَا الْإِنسَانَ بِوَالِدَيْهِ حَمَلَتْهُ أُمُّهُ وَهْنًا عَلَى وَهْنٍ وَفِصَالُهُ فِي عَامَيْنِ أَنِ اشْكُرْ لِي وَلِوَالِدَيْكَ إِلَيَّ الْمَصِيرُ  (14)

14.และเราได้สั่งกำชับมนุษย์เกี่ยวกับบิดามารดาของตนว่า มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขาด้วยความอ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า และการหย่านมของเขาสิ้นสุดในระยะเวลาสองปี (เรากำชับอีกว่า) เจ้าจงขอบคุณข้า และบิดามารดาของเจ้า และยังเรานั้นคือการกลับคืน
 

وَإِن جَاهَدَاكَ عَلى أَن تُشْرِكَ بِي مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ فَلَا تُطِعْهُمَا وَصَاحِبْهُمَا فِي الدُّنْيَا مَعْرُوفًا وَاتَّبِعْ سَبِيلَ مَنْ أَنَابَ إِلَيَّ ثُمَّ إِلَيَّ مَرْجِعُكُمْ فَأُنَبِّئُكُم بِمَا كُنتُمْ تَعْمَلُونَ  (15)

15.ถ้าหากเขาทั้งสองบังคับเจ้าให้ตั้งภาคีต่อข้า โดยที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ดังนั้น เจ้าจงอย่าเชื่อฟังปฏิบัติตามทั้งสอง แต่จงอดทนอยู่กับเขาทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี และจงปฏิบัติตามทางของผู้ที่กลับไปสู่ข้า ซึ่งสูเจ้าทุกคนต้องกลับคืนสู่ข้า และข้าจะบอกพวกเจ้าให้รู้ในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้

يَا بُنَيَّ إِنَّهَا إِن تَكُ مِثْقَالَ حَبَّةٍ مِّنْ خَرْدَلٍ فَتَكُن فِي صَخْرَةٍ أَوْ فِي السَّمَاوَاتِ أَوْ فِي الْأَرْضِ يَأْتِ بِهَا اللَّهُ إِنَّ اللَّهَ لَطِيفٌ خَبِيرٌ  (16)

16.โอ้ ลูกรักเอ๋ย ถ้าหาก (บุญหรือบาป) หนักเท่าเมล็ดผักสักเมล็ดหนึ่ง แล้วมันซ่อนอยู่ในโขดหิน หรืออยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย หรืออยู่ในแผ่นดิน อัลลอฮฺก็จะทรงนำเอาออกมา แท้จริง อัลลอฮฺทรงประณีต ทรงรอบรู้ยิ่ง

يَا بُنَيَّ أَقِمِ الصَّلَاةَ وَأْمُرْ بِالْمَعْرُوفِ وَانْهَ عَنِ الْمُنكَرِ وَاصْبِرْ عَلَى مَا أَصَابَكَ إِنَّ ذَلِكَ مِنْ عَزْمِ الْأُمُورِ  (17)

17.โอ้ ลูกรักเอ๋ย เจ้าจงดำรงนมาซ จงกำชับความดีและห้ามปรามการทำความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่ประสบกับเจ้า แท้จริง นั่นคือภารกิจที่สำคัญยิ่ง

وَلَا تُصَعِّرْ خَدَّكَ لِلنَّاسِ وَلَا تَمْشِ فِي الْأَرْضِ مَرَحًا إِنَّ اللَّهَ لَا يُحِبُّ كُلَّ مُخْتَالٍ فَخُورٍ  (18)

18.(โอ้ ลูกรักเอ๋ย) เจ้าอย่าหันหน้าไปจากผู้คนโดยไม่ใส่ใจ จงอย่าเดินบนหน้าแผ่นดินอย่างยโสโอหังไร้มรรยาท อัลลอฮฺ ทรงเกลียดผู้จองหองอวดดีทุกคน 

وَاقْصِدْ فِي مَشْيِكَ وَاغْضُضْ مِن صَوْتِكَ إِنَّ أَنكَرَ الْأَصْوَاتِ لَصَوْتُ الْحَمِيرِ  (19)

19. (โอ้ ลูกรักเอ๋ย) เจ้าจงก้าวเท้าเดินอย่างพอประมาณ จงลดเสียงของเจ้าลง (อย่าเอะอะโวยวาย) แท้จริง เสียงที่น่าเกลียดยิ่งคือเสียงร้องของลา

أَلَمْ تَرَوْا أَنَّ اللَّهَ سَخَّرَ لَكُم مَّا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ وَأَسْبَغَ عَلَيْكُمْ نِعَمَهُ ظَاهِرَةً وَبَاطِنَةً وَمِنَ النَّاسِ مَن يُجَادِلُ فِي اللَّهِ بِغَيْرِ عِلْمٍ وَلَا هُدًى وَلَا كِتَابٍ مُّنِيرٍ  (20)

20.เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า อัลลอฮฺ ทรงบันดาลให้สรรพสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินอำนวยความสะดวกแก่สูเจ้า พระองค์ทรงประทานความโปรดปรานอันมากมายของพระองค์ ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้นอย่างครบครันแก่สูเจ้า แต่มีมนุษย์บางคนโต้เถียงกันในเรื่องของอัลลอฮฺโดยปราศจากความรู้ ทางนำ และคัมภีร์อันชัดแจ้ง

وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّبِعُوا مَا أَنزَلَ اللَّهُ قَالُوا بَلْ نَتَّبِعُ مَا وَجَدْنَا عَلَيْهِ آبَاءَنَا أَوَلَوْ كَانَ الشَّيْطَانُ يَدْعُوهُمْ إِلَى عَذَابِ السَّعِيرِ  (21)

21. ครั้นเมื่อกล่าวแก่พวกเขาว่า จงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา พวกเขากล่าวว่า ไม่ ทว่าเราจะปฏิบัติตามสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้พบในเรื่องนั้น ถึงแม้ว่าชัยฏอนจะเรียกร้องพวกเขาสู่การลงโทษที่มีไฟลุกโชนอยู่กระนั้นหรือ 

وَمَن يُسْلِمْ وَجْهَهُ إِلَى اللَّهِ وَهُوَ مُحْسِنٌ فَقَدِ اسْتَمْسَكَ بِالْعُرْوَةِ الْوُثْقَى وَإِلَى اللَّهِ عَاقِبَةُ الْأُمُورِ  (22)

22. ผู้ใดยอมนอบน้อมใบหน้าของเขาต่ออัลลอฮฺ ขณะที่เขากระทำความดี แน่นอน เท่ากับเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว ซึ่งบั้นปลายของกิจการ ทั้งหลายย่อมกลับคืนสู่อัลลอฮฺ

وَمَن كَفَرَ فَلَا يَحْزُنكَ كُفْرُهُ إِلَيْنَا مَرْجِعُهُمْ فَنُنَبِّئُهُم بِمَا عَمِلُوا إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ بِذَاتِ الصُّدُورِ  (23)

23. ส่วนผู้ใดปฏิเสธ ก็อย่าให้การปฏิเสธของเขาทำให้เจ้าต้องเศร้าโศกเสียใจ เราคือหนทางกลับของพวกเขา ดังนั้น เราจะบอกพวกเขาให้ทราบถึงสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ แท้จริง อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก

نُمَتِّعُهُمْ قَلِيلًا ثُمَّ نَضْطَرُّهُمْ إِلَى عَذَابٍ غَلِيظٍ  (24)

24.เราจะให้พวกเขาได้สนุกสนานบนโลกนี้เพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นเราจะต้อนพวกเขาสู่การลงโทษอันรุนแรงยิ่ง

وَلَئِن سَأَلْتَهُم مَّنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ لَيَقُولُنَّ اللَّهُ قُلِ الْحَمْدُ لِلَّهِ بَلْ أَكْثَرُهُمْ لَا يَعْلَمُونَ  (25)

25.ถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ผู้ใดเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺ จงกล่าวเถิด มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ทว่าพวกเขาส่วนมากไม่รู้

لِلَّهِ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ إِنَّ اللَّهَ هُوَ الْغَنِيُّ الْحَمِيدُ  (26)

26.สรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ แน่นอน อัลลอฮฺ ทรงมั่งคลั่ง ทรงคู่ควรต่อการสรรเสริญ

وَلَوْ أَنَّمَا فِي الْأَرْضِ مِن شَجَرَةٍ أَقْلَامٌ وَالْبَحْرُ يَمُدُّهُ مِن بَعْدِهِ سَبْعَةُ أَبْحُرٍ مَّا نَفِدَتْ كَلِمَاتُ اللَّهِ إِنَّ اللَّهَ عَزِيزٌ حَكِيمٌ  (27)

27. ถ้าหากเอาต้นไม้ทุกต้นที่มีอยู่ในแผ่นดินเป็นปากกา เอามหาสมุทรเป็นน้ำหมึก และเอาอีกเจ็ดมหาสมุทรมาหนุนเพิ่มเข้าไป พจนารถของอัลลอฮฺก็จะไม่หมดสิ้น แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอํานาจผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง

مَّا خَلْقُكُمْ وَلَا بَعْثُكُمْ إِلَّا كَنَفْسٍ وَاحِدَةٍ إِنَّ اللَّهَ سَمِيعٌ بَصِيرٌ  (28)

28.การบังเกิดและการให้สูเจ้าฟื้นคืนชีพอีกครั้ง (ในวันกิยามะฮฺ) มิใช่อื่นใด นอกจากเสมือนชีวิตเดียว แท้จริง อัลลอฮฺทรงได้ยินและทรงมองเห็น

أَلَمْ تَرَ أَنَّ اللَّهَ يُولِجُ اللَّيْلَ فِي النَّهَارِ وَيُولِجُ النَّهَارَ فِي اللَّيْلِ وَسَخَّرَ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ كُلٌّ يَجْرِي إِلَى أَجَلٍ مُّسَمًّى وَأَنَّ اللَّهَ بِمَا تَعْمَلُونَ خَبِيرٌ  (29)

29.เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าอัลลอฮฺทรงให้ราตรีประสานเข้าไปในทิวา และทรงให้ทิวาประสานเข้าไปในราตรี ทรงสร้างดวงตะวันและดวงเดือนให้เป็นประโยชน์ ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่กำหนดไว้ แท้จริง อัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ

ذَلِكَ بِأَنَّ اللَّهَ هُوَ الْحَقُّ وَأَنَّ مَا يَدْعُونَ مِن دُونِهِ الْبَاطِلُ وَأَنَّ اللَّهَ هُوَ الْعَلِيُّ الْكَبِيرُ  (30)

30.เหล่านี้เป็นเหตุผลยืนยันว่าอัลลอฮฺทรงสัจจริง และที่พวกเขาวิงวอนขอต่อสิ่งอื่นนอกจากพระองค์นั้นเป็นเท็จ แท้จริง อัลลอฮฺทรงสูงส่งและยิ่งใหญ่

أَلَمْ تَرَ أَنَّ الْفُلْكَ تَجْرِي فِي الْبَحْرِ بِنِعْمَتِ اللَّهِ لِيُرِيَكُم مِّنْ آيَاتِهِ إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّكُلِّ صَبَّارٍ شَكُورٍ  (31)

31.เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า เรือแล่นไปตามท้องทะเลเนื่องด้วยพระบัญชา และความโปรดปรานของอัลลอฮฺ เพื่อจะให้สูเจ้าได้เห็นสัญญาณต่าง ๆ ของพระองค์ แท้จริง ในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทนและผู้ขอบคุณทุกคน

وَإِذَا غَشِيَهُم مَّوْجٌ كَالظُّلَلِ دَعَوُا اللَّهَ مُخْلِصِينَ لَهُ الدِّينَ فَلَمَّا نَجَّاهُمْ إِلَى الْبَرِّ فَمِنْهُم مُّقْتَصِدٌ وَمَا يَجْحَدُ بِآيَاتِنَا إِلَّا كُلُّ خَتَّارٍ كَفُورٍ  (32)

32.ครั้นเมื่อลูกคลื่นซัดมาท่วมมิดตัวพวกเขาคล้ายเมฆทึบบดบัง พวกเขาก็วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อพระองค์ได้ช่วยให้พวกเขาได้ขึ้นบก พวกเขาบางคนทำตนเสมอต้นเสมอปลาย (ซื่อสัตย์ขณะที่บางคนลืมเลือนและปฏิเสธ) ซึ่งจะไม่มีผู้ใดปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรา นอกจากผู้ทรยศที่เนรคุณ

يَا أَيُّهَا النَّاسُ اتَّقُوا رَبَّكُمْ وَاخْشَوْا يَوْمًا لَّا يَجْزِي وَالِدٌ عَن وَلَدِهِ وَلَا مَوْلُودٌ هُوَ جَازٍ عَن وَالِدِهِ شَيْئًا إِنَّ وَعْدَ اللَّهِ حَقٌّ فَلَا تَغُرَّنَّكُمُ الْحَيَاةُ الدُّنْيَا وَلَا يَغُرَّنَّكُم بِاللَّهِ الْغَرُورُ  (33)

33. โอ้ มนุษย์เอ๋ย จงสำรวมตนต่อพระผู้อภิบาลของเจ้าเถิด และจงประหวั่นต่อวันหนึ่งที่พ่อไม่อาจช่วยลูกของตนได้ และลูกก็ไม่อาจช่วยพ่อของเขาได้แต่อย่างใด แท้จริง สัญญาของอัลลอฮฺเป็นความจริง ดังนั้น อย่าปล่อยให้การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงสูเจ้า และอย่าปล่อยให้มารจอมล่อลวงมาหลอกลวงสูเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺเป็นอันขาด

إِنَّ اللَّهَ عِندَهُ عِلْمُ السَّاعَةِ وَيُنَزِّلُ الْغَيْثَ وَيَعْلَمُ مَا فِي الْأَرْحَامِ وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ مَّاذَا تَكْسِبُ غَدًا وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ بِأَيِّ أَرْضٍ تَمُوتُ إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ خَبِيرٌ  (34)

34. แท้จริง ความรู้แห่งวันอวสานมีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ พระองค์ทรงประทานฝนลงมา พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์ (ของมารดา) และไม่มีผู้ใดรู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะได้รับสิ่งใด และไม่มีชีวิตใดจะล่วงรู้ว่าเขาจะตาย ณ แผ่นดินใด แืท้จริง อัลลอฮฺทรงรอบรู้และทรงตระหนักยิ่ง


<< ก่อน <สารบัญ> หลัง >>