') //-->
<< ก่อน | < สารบัญ > | หลัง>> |
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานียิ่งเสมอ |
|
บทอัซซาริยาต (Az-Zariyat) |
|
وَالذَّارِيَاتِ ذَرْوًا (1) |
1. ขอสาบานต่อกระแสลมที่พัดให้ (เมฆ) ปลิวกระจัดกระจาย |
فَالْحَامِلَاتِ وِقْرًا (2) |
2. ขอสาบานต่อมวลเมฆที่พยุงสิ่งหนัก (ฝน) |
فَالْجَارِيَاتِ يُسْرًا (3) |
3. ขอสาบานต่อนาวาที่แล่นไปอย่างสะดวก |
فَالْمُقَسِّمَاتِ أَمْرًا (4) |
4. ขอสาบานต่อมวลมลาอิกะฮฺผู้จัดสรรการงาน |
إِنَّمَا تُوعَدُونَ لَصَادِقٌ (5) |
5. อันที่จริง (การสาบานด้วยสิ่งทั้งหมดเหล่านี้) สิ่งที่สูเจ้าถูกสัญญาไว้นั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน |
وَإِنَّ الدِّينَ لَوَاقِعٌ (6) |
6. (มิต้องสงสัย) แท้จริง (วันฟื้นคืนชีพ) การตอบแทนการกระทำจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน |
وَالسَّمَاءِ ذَاتِ الْحُبُكِ (7) |
7. ขอสาบานต่อฟากฟ้าที่มีวิถีทางโคจรอันวิจิต |
إِنَّكُمْ لَفِي قَوْلٍ مُّخْتَلِفٍ (8) |
8. แท้จริง (เกี่ยวกับวันฟื้นคืนชีพ) สูเจ้ามีคำพูดขัดแย้งกัน |
يُؤْفَكُ عَنْهُ مَنْ أُفِكَ (9) |
9. ผู้ที่หันเหไม่ศรัทธาต่อสัจธรรมเขาจะถูกให้หันเห |
قُتِلَ الْخَرَّاصُونَ (10) |
10 ผู้ที่กล่าวเท็จต่อสูเจ้าจะถูกสาปแช่ง |
الَّذِينَ هُمْ فِي غَمْرَةٍ سَاهُونَ (11) |
11. คือบรรดาผู้ที่ระหกระเหินอยู่ในความลืมเลือนแห่งความโง่เขลา |
يَسْأَلُونَ أَيَّانَ يَوْمُ الدِّينِ (12) |
12. พวกเขาจะถามเสมอว่า วันแห่งการตอบแทนจะมีขึ้นเมื่อใด |
يَوْمَ هُمْ عَلَى النَّارِ يُفْتَنُونَ (13) |
13. วันที่พวกเขาจะถูกทดสอบด้วยไฟนรก |
ذُوقُوا فِتْنَتَكُمْ هَذَا الَّذِي كُنتُم بِهِ تَسْتَعْجِلُونَ (14) |
14. สูเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษของสูเจ้าเถิดนี่คือ สิ่งที่สูเจ้าเร่งเร้ามัน |
إِنَّ الْمُتَّقِينَ فِي جَنَّاتٍ وَعُيُونٍ (15) |
15. แท้จริง บรรดาผู้สำรวมตนจะได้อยู่ในสวนแห่งสวรรค์ทั้งหลายท่ามกลางตาน้ำพุ |
آخِذِينَ مَا آتَاهُمْ رَبُّهُمْ إِنَّهُمْ كَانُوا قَبْلَ ذَلِكَ مُحْسِنِينَ (16) |
16. พวกเขาต่างปติยินดีในสิ่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาประทานแก่พวกเขา เนื่องจากพวกเขาก่อนหน้านั้นเป็นผู้กระทำความดี |
كَانُوا قَلِيلًا مِّنَ اللَّيْلِ مَا يَهْجَعُونَ (17) |
17. พวกเขาหลับนอนเพียงเล็กน้อยในยามราตรี |
وَبِالْأَسْحَارِ هُمْ يَسْتَغْفِرُونَ (18) |
18. พวกเขาขออภัยโทษในยามรุ่งสาง |
وَفِي أَمْوَالِهِمْ حَقٌّ لِّلسَّائِلِ وَالْمَحْرُومِ (19) |
19. ทรัพย์สมบัติของพวกเขาจัดไว้เป็นส่วนสำหรับผู้เอ่ยขอและผู้ถูกห้าม |
وَفِي الْأَرْضِ آيَاتٌ لِّلْمُوقِنِينَ (20) |
20. ในแผ่นดินนี้มีสัญญาณต่างๆ สำหรับบรรดาผู้เชื่อมั่น |
وَفِي أَنفُسِكُمْ أَفَلَا تُبْصِرُونَ (21) |
21. ในตัวของสูเจ้าเช่นกัน (มีสัญญาณต่างๆ) สูเจ้าไม่พิจารณาดอกหรือ |
وَفِي السَّمَاءِ رِزْقُكُمْ وَمَا تُوعَدُونَ (22) |
22. ในฟากฟ้ามีปัจจัยยังชีพของสูเจ้า และสิ่งที่สูเจ้าถูกสัญญาไว้ |
فَوَرَبِّ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ إِنَّهُ لَحَقٌّ مِّثْلَ مَا أَنَّكُمْ تَنطِقُونَ (23) |
23. ดังนั้น ขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินว่า แท้จริง สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงอย่างแน่นอน เสมือนที่สูเจ้าสนทนากัน |
هَلْ أَتَاكَ حَدِيثُ ضَيْفِ إِبْرَاهِيمَ الْمُكْرَمِينَ (24) |
24. เรื่องราวของแขกผู้มีเกียรติของอิบรอฮีมได้มาถึงเจ้าบ้างไหม |
إِذْ دَخَلُوا عَلَيْهِ فَقَالُوا سَلَامًا قَالَ سَلَامٌ قَوْمٌ مُّنكَرُونَ (25) |
25. เมื่อพวกเขาได้เข้ามาหาเขา (อิบรอฮีม) พวกเขากล่าวว่าความสันติพึงมีแด่ท่าน เขากล่าวว่า ความสันติพึงมีแด่ท่านเช่นกัน โอ้ หมู่ชนผู้แปลกหน้า |
فَرَاغَ إِلَى أَهْلِهِ فَجَاءَ بِعِجْلٍ سَمِينٍ (26) |
26. หลังจากนั้นเขา (อิบรอฮีม) ก็หลบเข้าไปหาครอบครัวของเขา แล้วนำลูกวัวอ้วน (สุกแล้ว) ออกมาให้พวกเขา |
فَقَرَّبَهُ إِلَيْهِمْ قَالَ أَلَا تَأْكُلُونَ (27) |
27. เขา (อิบรอรฮีม) วางมันไว้ข้างหน้าพวกเขา และกล่าว (อย่างประหลาดใจ) ว่า พวกท่านไม่กินหรือ |
فَأَوْجَسَ مِنْهُمْ خِيفَةً قَالُوا لَا تَخَفْ وَبَشَّرُوهُ بِغُلَامٍ عَلِيمٍ (28) |
28. เขา (อิบรอฮีม) รู้สึกกลัวพวกเขา พวกเขาจึงกล่าวว่า อย่ากลัวเลย (พวกเราเป็นทูตสวรรค์แห่งพระผู้อภิบาลของเจ้า) และพวกเขาได้แจ้งข่าวดีแก่เขา (อิบรอฮีม) ว่า เขาจะได้บุตรคนหนึ่งที่มีความรู้ |
فَأَقْبَلَتِ امْرَأَتُهُ فِي صَرَّةٍ فَصَكَّتْ وَجْهَهَا وَقَالَتْ عَجُوزٌ عَقِيمٌ (29) |
29. ในเวลานั้นภริยาของเขาได้ออกมาตะโกนพลางตบหน้าของนาง (ด้วยความดีใจและประหลาดใจ) พร้อมกับกล่าวว่า (เราจะมีบุตรชายหรือขณะที่เรา) เป็นหญิงแก่และเป็นหมัน |
قَالُوا كَذَلِكَ قَالَ رَبُّكِ إِنَّهُ هُوَ الْحَكِيمُ الْعَلِيمُ (30) |
30. พวกเขากล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ตรัสเช่นนั้น แน่นอน พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้เสมอ |
قَالَ فَمَا خَطْبُكُمْ أَيُّهَا الْمُرْسَلُونَ (31) |
31. เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นจุดประสงค์ของพวกท่านคืออะไรเล่า โอ้ บรรดาทูตเอ๋ย |
قَالُوا إِنَّا أُرْسِلْنَا إِلَى قَوْمٍ مُّجْرِمِينَ (32) |
32. พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราถูกส่งมายังหมู่ชนผู้กระทำผิด |
لِنُرْسِلَ عَلَيْهِمْ حِجَارَةً مِّن طِينٍ (33) |
33. เพื่อเราจะได้กระหน่ำก้อนหินจากดินเหนียวแข็งลงบนพวกเขา |
مُسَوَّمَةً عِندَ رَبِّكَ لِلْمُسْرِفِينَ (34) |
34. หินซึ่งถูกตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้ว ณ พระผู้อภิบาลของเจ้าสำหรับพวกที่ละเมิดขอบเขต |
فَأَخْرَجْنَا مَن كَانَ فِيهَا مِنَ الْمُؤْمِنِينَ (35) |
35. ดังนั้น เราได้นำผู้ศรัทธาที่อยู่ในเมืองนั้น (เมืองสมัยประชาชาติลูฏ) ออกมาให้พ้น (ก่อนลงโทษ) |
فَمَا وَجَدْنَا فِيهَا غَيْرَ بَيْتٍ مِّنَ الْمُسْلِمِينَ (36) |
36. และเราไม่พบผู้ใดในเมืองนั้น นอกจากครอบครัวเดียว ที่เป็นผู้สวามิภักดิ์ |
وَتَرَكْنَا فِيهَا آيَةً لِّلَّذِينَ يَخَافُونَ الْعَذَابَ الْأَلِيمَ (37) |
37. และเราได้ทิ้งสัญญาณหนึ่งไว้ (ในเมืองที่ถูกลงโทษ) สำหรับบรรดาผู้ที่กลัวการลงโทษอันเจ็บปวด |
وَفِي مُوسَى إِذْ أَرْسَلْنَاهُ إِلَى فِرْعَوْنَ بِسُلْطَانٍ مُّبِينٍ (38) |
38. เรื่องราวของมูซา (มีสัญญาณและอุทาหรณ์เช่นกัน) ครั้นเมื่อเราส่งเขาไปยังฟิรอาวนุพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง |
فَتَوَلَّى بِرُكْنِهِ وَقَالَ سَاحِرٌ أَوْ مَجْنُونٌ (39) |
39. แต่ฟิรอาวนุและบริวารของเขาได้ผินหลังออก แล้วกล่าวว่า (ชายคนนี้) เป็นนักมายากลหรือวิกลจริต |
فَأَخَذْنَاهُ وَجُنُودَهُ فَنَبَذْنَاهُمْ فِي الْيَمِّ وَهُوَ مُلِيمٌ (40) |
ا40. ดังนั้น เราจึงได้จับเขาพร้อมทั้งไพร่พลของเขาโยนลงไปในทะเล ขณะที่ตัวเขาถูกประณาม |
وَفِي عَادٍ إِذْ أَرْسَلْنَا عَلَيْهِمُ الرِّيحَ الْعَقِيمَ (41) |
41. เช่นกันเรื่องราวของอาด (ก็มีสัญญาณต่างๆ) ครั้นเมื่อเราได้ส่งลมพายุที่ทำลายล้างมายังพวกเขา |
مَا تَذَرُ مِن شَيْءٍ أَتَتْ عَلَيْهِ إِلَّا جَعَلَتْهُ كَالرَّمِيمِ (42) |
42. มันมิได้เหลืออะไรทิ้งไว้เลยยามที่ได้พัดกระหน่ำ นอกเสียจากจะทำให้เกิดความพินาศย่อยยับ |
وَفِي ثَمُودَ إِذْ قِيلَ لَهُمْ تَمَتَّعُوا حَتَّى حِينٍ (43) |
43. เรื่องราวของซะมูด (มีอุทาหรณ์เช่นกัน) ครั้นเมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงสนุกร่าเริงไปชั่วขณะหนึ่งเถิด (หลังจากนั้นจงรอการลงโทษ) |
فَعَتَوْا عَنْ أَمْرِ رَبِّهِمْ فَأَخَذَتْهُمُ الصَّاعِقَةُ وَهُمْ يَنظُرُونَ (44) |
44. ทว่าพวกเขาได้ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น เสียงกัมปนาทได้คร่าชีวิตพวกเขาขณะที่พวกเขามองดู (ด้วยความงงงันโดยไม่มีอำนาจปกป้องตนเอง) |
فَمَا اسْتَطَاعُوا مِن قِيَامٍ وَمَا كَانُوا مُنتَصِرِينَ (45) |
45. พวกเขาล้มลงโดยไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ และไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ |
وَقَوْمَ نُوحٍ مِّن قَبْلُ إِنَّهُمْ كَانُوا قَوْمًا فَاسِقِينَ (46) |
46. ทำนองเดียวกันหมู่ชนของนูฮฺที่พินาศไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืน |
وَالسَّمَاءَ بَنَيْنَاهَا بِأَيْدٍ وَإِنَّا لَمُوسِعُونَ (47) |
47. เราได้สร้างชั้นฟ้าด้วยอำนาจของเรา และเราได้แผ่มันให้กว้างออก |
وَالْأَرْضَ فَرَشْنَاهَا فَنِعْمَ الْمَاهِدُونَ (48) |
48. เราได้แผ่ขยายแผ่นดินออกไป เราช่างเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม |
وَمِن كُلِّ شَيْءٍ خَلَقْنَا زَوْجَيْنِ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ (49) |
49. เราได้บันดาลทุกสิ่งขึ้นเป็นคู่ เพื่อสูเจ้าจะได้ใคร่ครวญ |
فَفِرُّوا إِلَى اللَّهِ إِنِّي لَكُم مِّنْهُ نَذِيرٌ مُّبِينٌ (50) |
50. ดังนั้น พวกเจ้าจงเร่งรีบไปสู่อัลลอฮฺ แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปดเผยแก่พวกเจ้าทีมาจากพระองค์ |
وَلَا تَجْعَلُوا مَعَ اللَّهِ إِلَهًا آخَرَ إِنِّي لَكُم مِّنْهُ نَذِيرٌ مُّبِينٌ (51) |
51. พวกเจ้าจงอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีเทียบเคียงอัลลอฮฺ แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปดเผยแก่พวกเจ้าทีมาจากพระองค์ |
كَذَلِكَ مَا أَتَى الَّذِينَ مِن قَبْلِهِم مِّن رَّسُولٍ إِلَّا قَالُوا سَاحِرٌ أَوْ مَجْنُونٌ (52) |
52. ทำนองเดียวกันไม่มีเราะซูลคนใดถูกส่งมายังบรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขา นอกเสียจากจะถูกพวกเขากล่าวหาว่าเป็นนักมายากลหรือคนวิกลจริต |
أَتَوَاصَوْا بِهِ بَلْ هُمْ قَوْمٌ طَاغُونَ (53) |
53. พวกเขาได้กำชับกันและกันในเรื่องนั้นหรือ (ทั้งหมดจึงกล่าวหาเหมือนกัน) เปล่าเลย ทว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ละเมิดเกินขอบเขต |
فَتَوَلَّ عَنْهُمْ فَمَا أَنتَ بِمَلُومٍ (54) |
54. เมือเป็นดังนั้น สูเจ้าจงผินหลังออกจากพวกเขาเถิด เพื่อสูเจ้าจะได้ไม่เป็นผู้ถูกตําหนิ |
وَذَكِّرْ فَإِنَّ الذِّكْرَى تَنفَعُ الْمُؤْمِنِينَ (55) |
55. และจงมั่นตักเตือนกันเถิด เพราะการตักเตือนจะให้ประโยชนแก่บรรดาผู้ศรัทธา |
وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ (56) |
56.ข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์เพื่อการใด นอกเสียจากเพื่อแสดงความเคารพภักดีต่อข้า |
مَا أُرِيدُ مِنْهُم مِّن رِّزْقٍ وَمَا أُرِيدُ أَن يُطْعِمُونِ (57) |
57. ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา และไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า |
إِنَّ اللَّهَ هُوَ الرَّزَّاقُ ذُو الْقُوَّةِ الْمَتِينُ (58) |
58. แท้จริงอัลลอฮฺ คือ ผู้ประทานปัจจัยยังชีพอันมากหลายผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจยิ่ง |
فَإِنَّ لِلَّذِينَ ظَلَمُوا ذَنُوبًا مِّثْلَ ذَنُوبِ أَصْحَابِهِمْ فَلَا يَسْتَعْجِلُونِ (59) |
59. แน่นอน สำหรับบรรดาผู้อธรรมที่กระทำบาปเขาจะได้รับส่วนของการลงโทษ เยี่ยงส่วนของมวลมิตรของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาอย่าได้เร่ง (ให้ข้าลงโทษ) |
فَوَيْلٌ لِّلَّذِينَ كَفَرُوا مِن يَوْمِهِمُ الَّذِي يُوعَدُونَ (60) |
60. ดังนั้น ความหายนะจะประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ ในวันซึ่งได้ถูกสัญญาไว้สำหรับพวกเขา |
<< ก่อน | < สารบัญ > | หลัง>> |