บทเรียนต่างๆ ในวิถีการต่อสู้

การเรียกร้องความสนใจของฝ่ายตรงข้าม

หนึ่งในบทเรียนสำคัญแห่งการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ในว้นอาชูรอคือ ความคิดที่จะช่วยเหลือกองทหารของฝ่ายศัตรู และการเพิ่มพูนกองกำลังฝ่ายตน ในเหตุการณ์ดังกล่าวท่านอิมาม (อ.) ได้แสดงปฏิกิริยาดังนี้

อันดับแรก ท่านอิมาม (อ.) ได้เรียกร้องความสนใจจากทหารฝ่ายตรงข้ามโดยมิให้พวกเขาเลือกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือออกจากสนามรบไป

ท่านอิมาม (อ.) ได้ใช้วิธีการต่างๆ นานา เพื่อที่จะชี้นำเหล่าทหาร หรือไม่ให้พวกเขาแปรพักตร์มาเข้าร่วมกับท่าน

1 การส่งสาส์น

ท่านอิมาม (อ.) ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของชาวเมืองกูฟะฮฺ[1] และเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนของเมืองบัศเราะฮฺ จดหมายของท่านอิมาม (อ.) มีผลอย่างสูงต่อเจ้าหน้าเมืองบัศเราะฮฺ ทำให้พวกเขาส่งชนกลุ่มหนึ่งมาช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.) แต่เนื่องจากการเดินทางล่าช้าไปไม่ทันและในระหว่างทางพวกเขาจึงได้ยินข่าวการเป็นชะฮีดของท่านอิมาม (อ.) กับกองคาราวาน[2]

2 การส่งทูตไปเชิญกลุ่มชน

ท่านอิมาม (อ.) ขณะที่เดินทางมาถึงยังสถานที่แห่งหนึ่งนามว่า ซุรูด ท่านได้ส่งสหายคนหนึ่งไปพบกับซุเฮร บุตรของเกส เพื่อเจรจาและเชิญชวนเขาให้เข้าร่วม ซุเฮรมิได้ตอบรับแต่ภรรยาของซุเฮรไม่พอใจสามีของนางมาก และกล่าวว่าเพราะเหตุใดท่านจึงไม่ยอมรับคำเชิญของหลานท่านศาสดา (ซ็อล ฯ ) หลังจากได้พูดคุยกับภรรยาอยู่นานเขาก็ได้เดินทางไปพบท่านอิมาม และยอมเข้าร่วมกองคาราวานกับท่านอิมาม[3]

3 การส่งทูตไปยังเผ่าชนในกัรบะลาอฺ

ท่านอิมาม (อ.) ได้ส่งฮะบีบ บุตรของมุเซาะเฮรไปยังเผ่าบนีอะซัด และอนุญาตให้ฮะบีบขอความช่วยเหลือจากพวกเขา

เผ่าบนีอะซัดตอบตกลงและเตรียมพร้อมอาสาสมัครไว้ 90 คน เพื่อเดินทางไปสมทบกับกองคาราวานของท่านอิมาม แต่มีสมาชิกคนหนึ่งจากเผ่าไม่ซื่อสัตย์เขาส่งข่าวให้อุมะริบนิสะอัดรับรู้ ต่อมาอุมะริบสะอัดจึงได้พากองทัพมาขัดขวางการเข้าร่วมของเผ่าบนีอะซัด ทำให้เกิดการสู้รบกันอย่างหนักจนในที่สุดเผ่าบนีอะซัดต้องเดินทางกลับบ้าน โดยไม่สามารถไปช่วยเหลือท่านอิมามได้[4]

4 การเชิญชวนประชาชนโดยตรงอย่างซึ่งหน้า

บางครั้งท่านอิมาม (อ.) ได้เดินทางไปพบบุคคลเป็นการส่วนตัวและเชิญชวนพวกเขาให้มาช่วยเหลือท่าน หมายถึงท่านอิมาม (อ.) ได้เดินทางได้ด้วยตัวเองและเชิญชวนพวกเขาด้วยตัวของท่านเอง

ท่านอิมาม (อ.) ส่งสาวกคนหนึ่งไปเชิญ อุบัยดิลลาฮฺ บุตรของโฮร ญะอฺฟี[5] แต่เขาปฏิเสธ ต่อมาท่านอิมาม (อ.) ได้เดินทางไปด้วยตัวเองเพื่อเชิญชวนเขามาสู่กองคาราวานของท่าน แต่เขาปฏิเสธอีกเช่นเคย เพียงแต่ในครั้งนี้เขาได้มอบดาบและม้าเป็นตัวแทน แต่อิมาม (อ.) ปฏิเสธที่จะยอมรับ

การเชิญชวนทหารฝ่ายตรงข้ามเข้ามาสู่กองคาราวานแห่งสัจธรรม

ประเด็นดังกล่าวนี้โปรดพิจารณาตัวอย่างดังต่อไปนี้

1 ท่านอิมาม (อ.) เมื่ออยู่ต่อหน้ากองทัพของฝ่ายศัตรูท่านได้กล่าวสุนทรพจน์อันเร้าร้อน และหยิบยกเหตุผลที่หนักแน่นเพื่อชี้นำประชาชน อีกท่านได้กล่าวแนะนำตัวองต่อหน้าพวกเขา และแสดงจำนวนจดหมายที่ชาวกูฟะฮฺได้ส่งมาเชิญชวนท่าน[6]

ท่านอิมามพยายามที่จะหยิบยกเหตุผลมากล่าวเพื่อให้ทหารฝ่ายศัตรูเปลี่ยนใจออกจากกองทัพไป หรือหันมารวมมือกับท่าน ในประเด็นดังกล่าวนี้สาวกคนสนิทของท่านก็ได้กล่าวสุนทรพจน์เช่นกันเพื่อเป็นการช่วยเหลื่อท่านอิมาม[7]

หลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของท่านอิมาม (อ.) แล้ว ได้ทีทหารจากองทัพฝ่ายศัตรู 2-3 คน กลับใจเข้าสมบทกับกองคาราวานของท่านอิมาม พวกเขาได้ออกไปสู้อย่างสมเกียรติสมเป็นชายชาติทหารจนชะฮีดในเวลาต่อมา

บัดนี้จะขอเอ่ยนามของทหารที่กลับใจสักสองสามคน

คนแรกคือ ฮุรบุตรของยะซีด ริยาฮียฺ เป็นผู้บัญชาการทหารคนแรกจากกองทัพศัตรูที่กลับใจเข้าเป็นพวกของท่านอิมาม ขณะที่เขาเป็นทัพแรกที่ยกพลเข้าขัดขวางการเดินทางของอิมาม (อ.) แต่ในที่สุดแล้วในบั้นปลายเขาก็ได้กลับใจ และท่านอิมามได้ยอมรับการลุแก่โทษของเขา และสุดท้ายเขาได้ชะฮีดสมใจปรารถนา ซึ่งความรัดทดใจแก่ท่านอิมามอย่างยิ่ง[8]

คนที่สองคือ ยะซีด บุตรของซิยาด อบี ชุอฺซา กันดี เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ร่วมเดินทางมากลับกองทัพของ อุมะริบนะสะอัด เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยตาตนเองเขาได้กลับใจเข้าสมทบกับกองคาราวานของท่านอิมาม (อ.) ซึ่งยะซีด บุตรของซิยาดมีความสัดทัดในการยิงธนู เขาได้ยิงธนูเข้าใส่กองทัพศัตรูถึง 100 ดอก อิมามได้ขอพรแก่เขาและสุดท้ายเขาก็ได้รับชะฮีด[9]

อุมะริบสะอัด ได้ส่งทูตคนหนึ่งให้มาเจรจากับอิมาม (อ.) ซึ่งหนึ่งในคณะทูตนั้นมีชายคนหนึ่งจากเผ่าคุซัยมะฮฺ แต่ว่านามของเขามิได้ถูกเอ่ยไว้ในรายงาน เมื่อเขาได้เจรจากับท่านอิมาม (อ.) และแจ้งเจตนารมณ์ของอุมะริบสะอัดให้ท่านอิมามทราบแล้ว อิมาม (อ.) กล่าวว่า เจ้าจงกลับไปยังหมู่มวลมิตรของเจ้าเถิด เขาปฏิเสธและกล่าวว่า โอ้ นายของข้า ฉันเป็นใครหรือที่จะเห็นไฟนรกนั้นดีกว่าสรวงสวรรค์[10]

2 ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ขอเจรจากับอุมะริบสะอัด แม่ทัพทัพฝ่ายศัตรูระหว่างเจรจาอยู่นั้น ท่านอิมามพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อให้เขากลับใจเฉกเช่นโฮร และได้ให้สัญญาอันเป็นความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้าแก่เขา ท่านยังได้สัญญาที่จะตอบแทนทรัพย์สินของเขาที่สูญเสียไป และพร้อมที่จะสร้างบ้านหลังใหม่แก่เขา[11]

คำพูดของท่านอิมาม (อ.) บังเกิดผลกับเขาเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาได้ส่งจดหมายไปหาอิบนุซิยาด และขออนุญาตจากอิบนุซิยาดที่จะปองดองระหว่างเขากับอิมาม (อ.)

อิบนุซิยาดโกรธมาก เขาได้ส่งซิมร์ไปยังกัรบะลาอฺ และส่งข่าวแก่อุมะริบสะอัดให้รู้ว่า ถ้าเขาไม่ยอมทำสงครามจะถูกปลดออกจากแม่ทัพและให้ ชิมร์ เป็นแม่ทัพแทนเขา[12]



[1]  เมาซูอะฮฺ หน้า 377
[2]  อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 315
[3] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 342
[4] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 383
[5] บิฮารุลอันวาร เล่ม 44 หน้า 315 กล่าวชื่อของคนนี้ว่า อุบัยดิลลาฮฺ บุตรของโฮร อันฮะนะฟี
[6] เมาซูอะฮฺ หน้า 320, 357
[7] เมาซูอะฮฺ หน้า 415,425, 429
[8] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 353, บิฮารุลอันวาร เล่ม 44 หน้า 319
[9] อ้างแล้วเล่มเดิม
[10] เมาซูอะฮฺ หน้า 381 ตารีคฏ็อบรียฺ และอัลเอรชาด
[11]  อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า 387 บิอารุลอันวาร เล่ม 44 หน้า 388 อัลฟุตูฮฺ เล่ม 5 หน้า 103 มักตัล คอรัซมี หน้า 245
[12] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้า389,353