อิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ผู้เร้นกายตามพระประสงค์

ท่านอิมามมะฮฺดี (อ.) ประสูติเมื่อวันที่ ๑๕ ชะอฺบาน ปี ฮ.ศ.ที่ ๒๕๕ ณ เมืองสะมะรอ ประเทศอิรัก เมื่อพระชนมายุได้ ๕ ปีบริบูรณ์ บิดาของท่านได้สิ้นพระชนม์ลง (ฮ.ศ. ๒๖๐) ทำให้ท่านอิมามมะฮฺดีได้ขึ้นสู่ตำแหน่งอิมามะฮฺตั้งแต่อายุยังเยาว์วัย ฉายานามของท่านอิมามเหมือนกับฉายานามของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)บิดาของท่านนามว่า อิมามฮะซันอัสการีย์ เป็นอิมามท่านที่ ๑๑ ของชีอะฮฺ  มารดาของท่านมีนามว่า ท่านหญิงนัรฺญิส

การประสูติของท่านอิมาม (อ.) ไม่เป็นที่เปิดเผยสำหรับคนทั่วไปตั้งแต่วันแรกเนื่องจากความไม่ปลอดภัย และการกดขี่ของผู้ปกครองที่ไล่เข่นฆ่าบรรดาอะฮฺลุบัยตฺชนิดขุดรากถอนโคน หลังจากอิมามได้ขึ้นสู่ตำแหน่งการเป็นอิมามประชาชนได้ติดต่อกับอิมามโดยผ่านตัวแทนที่เฉพาะของท่านอยู่ประมาณ ๗๐ ปี ซึ่งมีอยู่สี่ท่านได้แก่ อุสมานบินสะอีด มุฮัมมัดบินอุสมาน ฮุซัยนฺบินรูห์ และอะลีบินมุฮัมมัดสะมะรีย์  ในช่วงนี้เรียกว่าเป็นการ เร้นกายระยะสั้น (ฆัยบัตซุครอ) และหลังจากนั้น การเร้นกายแบบยาวนานก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งเรียกว่าเป็นการ (ฆัยบัตกุบรอ)

ในช่วงการเร้นกายแบบยาวนานจนถึงการปรากฏกาย จะไม่มีการกำหนดผู้ใดเป็นตัวแทนที่เฉพาะของท่านอิมาม (อ.) จะมีแต่ตัวแทนทั่วไปซึ่งได้แก่บรรดาผู้รู้และนักปราชญ์ของอิสลาม ดังนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องเข้าหาบรรดาผู้รู้กรณีที่เขาติดขัดเรื่องปัญหาศาสนา

ความเชื่อเรื่องมะฮฺดี และการปรับปรุงโลก

ความเชื่อเรื่องการมาของท่านอิมามมะฮฺดี (อ.) และผู้ปรับปรุงโลกไม่ใช่ความเชื่อของชีอะฮฺอย่างเดียว มุสลิมนิกายอื่นๆ ตลอดจนผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมอย่างเช่น ยะฮูดี นัศรอนีตลอดจนนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงของโลก ต่างก็มีความเชื่อเรื่องผู้ที่จะมาปรับปรุงโลกเหมือนกัน

ในคัมภีร์ซะบูรฺ ดาวูด ได้บันทึกว่า “ทว่าจงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า และผู้สืบทอดบนหน้าแผ่นดินเถิด..หะลีมานคือผู้สืบทอดบนหน้าแผ่นดิน ผู้ทำให้พื้นปฐพี เต็มไปด้วยความสุข..ซอลิฮานเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสนับสนุน...พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้วันที่สมบูรณ์ของพระองค์และผู้สืบทอดของพระองค์นั้นเป็นอมตะ..เขาเป็นผู้ให้ความจำเริญแก่พื้นดิน และเป็นผู้สืบทอดบนหน้าแผ่นดิน ส่วนผู้ที่ถูกสาปแช่ง เขาจะถูกขจัดให้พ้นไปจากแผ่นดิน...ซอลิฮานคือผู้สืบทอดบนหน้าแผ่นดินและจะเป็นผู้พำนักอยู่ตลอดไป[1]

อัล-กุรอานกับความเชื่อเรื่องมะฮฺดี (อ.)

อัล-กุรอานได้สัญญาเกี่ยวกับสิทธิ และอำนาจการปกครองโลก จะเป็นของบ่าวผู้เป็นกัลยาณชน ศาสนาอิสลามจะครอบคลุมคำสอนของศาสนาทั้งหลาย และโองการอัล-กุรอานบางโองการได้อธิบายถึงอิมามมะฮฺดี (อ.) อาทิเช่น

وَلَقَدْ كَتَبْنَا فِي الزَّبُورِ مِن بَعْدِ الذِّكْرِ أَنَّ الْأَرْضَ يَرِثُهَا عِبَادِيَ الصَّالِحُونَ

“แน่นอนเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูรฺ หลังจากที่เราได้บันทึกไว้ในซิกรฺ (เตารอต) ว่า แท้จริงปวงบ่าวที่มีคุณธรรมของเราจะเป็นผู้สืบมรดก (ปกครอง) บนหน้าแผ่นดิน” (อันบิยาอฺ / ๑๐๕)

وَعَدَ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنكُمْ وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ لَيَسْتَخْلِفَنَّهُم فِي الْأَرْضِ كَمَا اسْتَخْلَفَ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ وَلَيُمَكِّنَنَّ لَهُمْ دِينَهُمُ الَّذِي ارْتَضَى لَهُمْ وَلَيُبَدِّلَنَّهُم مِّن بَعْدِ خَوْفِهِمْ أَمْنًا يَعْبُدُونَنِي لَا يُشْرِكُونَ بِي شَيْئًا

อัลลอฮฺ ทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลายว่า พระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดในแผ่นดิน เสมือนดังที่พระองค์ทรงให้บรรดาชนก่อนพวกเขา เป็นตัวแทนสืบทอดมาก่อนแล้ว และพระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพวกเขา ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปราน มีความมั่นคงเป็นเกียรติแก่พวกเขา และแน่นอนพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงความปลอดภัยให้พวกเขา หลังจากที่พวกเขาหวาดกลัว พวกเขาต้องเคารพภักดีต่อฉันไม่ตั้งภาคีอื่นใดต่อฉัน” (นูรฺ / ๕๕)

هُوَ الَّذِي أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَى وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ وَلَوْ كَرِهَ الْمُشْرِكُونَ

“พระองค์คือผู้ทรงส่งร่อซูลของพระองค์พร้อมกับการชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งหลาย ถึงแม้ว่าพวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตาม” ( ศอฟ / ๙)

وَنُرِيدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْضِ وَنَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَنَجْعَلَهُمُ الْوَارِثِينَ

“และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำ และทำให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอด” (ก่อศ็อด / ๕)

โองการต่างๆ ที่ได้กล่าวมานั้นสรุปได้ว่า ในสุดท้ายโลกของพระองค์จะตกอยู่ในมือของบ่าวผู้บริสุทธิ์ พวกเขาจะเป็นผู้ปกครองโลก และศาสนาอิสลามจะยิ่งใหญ่เหนือศาสนาทั้งหลาย ยังมีโองการอื่นๆ อีกที่ฮะดีซได้อธิบายว่าหมายถึงอิมามมะฮฺดี (อ.) อาทิเช่นโองการที่กล่าวว่า

الّّذ ين يؤمنون بالغيب / امن يجب المضطر اذا دعاه

แลบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อความเร้นลับ /หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์                                

อิมามมะฮฺดีในตำราของอหฺลิซซุนนะฮฺ

เกี่ยวกับเรื่องนี้อุละมาอ์ฝ่ายอหฺลิซซุนนะฮฺได้กล่าวริวายะฮฺไว้มากมายจากนักฮะดีซที่เป็นที่เชื่อถือของพวกเขา โดยรายงานมาจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ความหมายโดยรวมของริวายะฮฺกล่าวว่า “อิมาม หรือเคาะลิฟะฮฺภายหลังจากศาสดานั้นมี ๑๒ ท่านซึ่งทั้งหมดเป็นชาวกุเรช”

ท่านอิมามมะฮฺดี (อ.) เป็นทายาทที่มาจากท่านอิมามอะลีกับท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.) และริวายะฮฺส่วนใหญ่ของพวกเขากล่าวว่า อิมามมะฮฺดี มาจากสายตระกูลของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) อุละมาอ์ฝ่ายอหฺลิซซุนนะฮฺได้รายงานฮะดีซเกี่ยวกับอิมามมะฮฺดี (อ.) ไว้เป็นจำนวนร้อยกว่าฮะดีซไว้ในหนังสือที่เชื่อถือได้ของพวกเขามากเกินกว่า ๗๐ เล่ม อาทิเช่น

มุสนัดดหฺมัด หันบัล เขียนโดย อหฺมัดหันบัล ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๒๔๑

ศ่อฮีบุคคอรีย์ เขียนโดย อิมามบุคคอรีย์ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๒๕๖

ศ่อฮีมุสลิม เขียนโดย อิมามมุสลิม บิน หะญาจ นิชาบูรี ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๒๖๑

สุนันอบีดาวูด เขียนโดย สุไลมาน บิน อัชอัษ สะญิซรตานีย์ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๒๗๕

ศ่อฮีติรฺมิซีย์ เขียนโดย มุฮัมมัด บิน อีซา ติรฺมิซีย์ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๒๗๙

หนังสือที่กล่าวนามมาล้วนแต่เป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เชื่อถือของอหฺลิซซุนะฮฺ ซึ่งมีบางท่านได้เสียชีวิตก่อนที่อิมามมะฮฺดี (อ.) จะประสูติ และบางท่านได้เสียชีวิตช่วงที่อิมามได้ประสูติ หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย (อิมามประสูติเมื่อ ฮ.ศ. ๒๕๕)

มะซอบีหุลสุนัน เขียนโดย บัฆวา ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๕๑๖

ญามิอุลอุศูล เขียนโดย อิบนิอะษีรฺ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๖๐๖

อัล-ฟุตูหาตุลมักกียะฮฺ เขียนโดย มุหฺยุดดีน อะร่อบี ตายเมื่อ ฮ.ศ.ที่ ๖๓๘

ตัสกิร่อตุลคอศ เขียนโดย ซิบตุ อิบนิเญาซีย์ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๖๕๔

ฟะวาอิดุซซุมฏัยน์ เขียนโดย หัมวีย์ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่ ๗๑๖

ซ่อวาอิก เขียนโดย อิบนิ หะญัรฺ ฮัยษัมมี ตายเมื่อ ฮ.ศ. ๙๗๓

ยะนาบีอุลมะวัดดะฮฺ เขียโดยเชคสุไสมาน กันดูซีย์ ตายเมื่อ ฮ.ศ. ที่๑๒๙๓

นอกจากนี้ยังมีอุละมาอ์ฝ่ายอหฺลิซซุนนะฮฺบางท่านได้เขียนหนังสือฉบับพิเศษ เกี่ยวกับอิมามมะฮฺดี (อ.) อาทิเช่น

๑. อัล-บัยยาน ฟีอัคบารฺ ซอฮิบุลซะมาน เขียนโดย อัลลามะฮฺ์ กันญี

๒. อักดุล ดุรุรฺ ฟีอัคบาริล อิมามมุนตะซัรฺ เขียนโดย เชคญะมาลุดดีน ยูซุฟ อัดดิมิชกีย์

๓. มะฮฺดีอาลิร่อซูล เขียนโดย อะลี บิน ซุลฏอล มุฮัมมัด อัล-ฮะระวีย์ อัล-หะนะฟีย์

๔. กิตาบุลมะฮฺดี เขียนโดย อบีดาวูด

๕. อะลามาตุลมะฮฺดี เขียนโดย ญะลาลุดดีน สุยุฎีย์

๖. มะนากิบุลมะฮฺดี เขียนโดย ฮาฟิซ อบีนะอีม อิศฟะฮานี

๗. อัล-เกาลุมุคตะศัรฺ ฟี อะลามาติลมะฮฺดี อันมุนตะซัรฺ เขียนโดย อิบนิหะญัรฺ

๘. อัล-บุรฮาน ฟี อะลามาติน มะฮฺดี อาคิรุซซะมาน เขียนโดย มุลลามุตตะกีย์

๙. อัรฺบะอีน ฮะดีซ ฟิลมะฮฺดี เขียนโดย อบิลอุลลาอฺ ฮัมดานีย์ และคนอื่นๆ อีกมาก[2]

ปัญหาเรื่องฆัยบัตในทัศนะของชีอะฮฺ

ฮะดีซเกินกว่า ๓,๐๐๐ ฮะดีซที่รายงานโดยท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)และอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) เกี่ยวกับอิมามมะฮฺดี (อ.) ความหมายโดยสรุปของฮะดีซกล่าวว่า อิมามมะฮฺดี (อ.) เป็นทายาทคนที่เก้าของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) บิดาของท่านคือท่านอิมามฮะซันอัสการีย์ (อ.) มารดาของท่านคือ ท่านหญิงนัรฺญิส ท่านมีชื่อเดียวกันกับท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ฉายานามของท่านคือ มะฮฺดี ท่านได้ประสูติที่เมืองสะมะรอ บิดาได้จากไปเมื่อท่านยังเยาว์วัยอยู่ ท่านมีชีวิตจวบจนถึงปัจจุบันและจะดำรงชีวิตต่อไปตามพระประสงค์ของอัลลอฮฺ (ซบ.) ท่านจะปรากฏกายออกมาตามพระประสงค์ของพระองค์และจะทำให้โลกนี้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและความยุติธรรม หลังจากที่โลกเคยเปี่ยมล้นไปด้วยความอธรรม ก่อนการปรากฏกาย ท่านศาสดาอีซา (อ.) จะถูกส่งตัวมาก่อนและท่านจะทำนมาซตามหลังท่านอิมามมะฮฺดี (อ.)

ฮะดีซที่อุละมาอ์ฝ่ายชีอะฮฺ และซุนนะฮฺได้รายงานเกี่ยวกับอิมามมะฮฺดี (อ.) ในแง่มุมต่างๆ มีจำนวนมากมาย ศึกษาได้จากหนังบิฮารุลอันวารฺ มุนตะเคาะบุลอะษัรฺและเล่มอื่นๆ ในที่นี้จะนำเฉพาะสารบัญที่มีอยู่ในหนังสือ มุนตะค่อบุลอะษัรฺมาเสนอ

-ริวายะฮฺที่กล่าวว่าภายหลังจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) จะมีอิมามอีก ๑๒ ท่าน คนแรกคือท่านอิมามอะลี (อ.) คนสุดท้ายคือ อิมามมะฮฺดี (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๕๘

- ฮะดีซที่กล่าวถึงการปรากฏกายของท่านอิมาม ฮะดีซลำดับที่ ๖๕๗

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่า อิมาม (อ.) มาจากครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ฮะดีซลำดับที่ ๓๘๙

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่า ชื่อ และฉายานามของเขาตรงกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ฮะดีซลำดับที่ ๔๘

-ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดี เป็นทายาทชั้นใกล้ชิดของท่านอิมามอะลี (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๒๑๔

-ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นทายาทชั้นใกล้ชิดของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๙๒

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๘๕

- ริวายะฮฺที่กล่วว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานคนที่เก้าของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๔๘

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานของท่านอิมามสัจญาด (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๘๕

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานของท่านอิมามบากิรฺ (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๐๓

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานของท่านอิมามซอดิก (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๐๓

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานของท่านอิมามมูซากาซิม (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๐๑

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานคนที่สี่ของท่านอิมามริฎอ (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๙๕

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรคนที่สามของท่านอิมามญะวาด (อ.) ฮะดีซลำดับที่  ๙๐

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรหลานของท่านอิมามฮาดี (อ.)  ฮะดีซลำดับที่ ๙๐

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นบุตรของท่านอิมามฮะซันอัสการีย์ (อ.) ฮะดีซลำดับที่ ๑๔๖

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าชื่อของบิดาของท่านคือ ฮะซัน ฮะดีซลำดับที่ ๑๔๗

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าโลกจะเปี่ยมล้นไปด้วยความยุติธรรม ฮะดีซลำดับที่ ๑๒๓

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าการฆัยบัรฺของอิมามจะยาวนาน ฮะดีซลำดับที่ ๙๑

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าชีวิตของอิมามมะฮฺดีจะยาวนาน ฮะดีซลำดับที่ ๓๑๘

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าศาสนาอิสลามจะกลายเป็นศาสนาสากลแห่งโลกโดยอิมามมะฮฺดี ฮะดีซลำดับที่ ๔๗

- ริวายะฮฺที่กล่าวว่าอิมามมะฮฺดีเป็นอิมามท่านที่ ๑๒ และเป็นอิมามท่านสุดท้าย ฮะดีซลำดับที่ ๑๓๖

จะสังเกตเห็นว่าริวายะฮฺที่ได้กล่าวเกี่ยวกับอิมามมะฮฺดี (อ.) มีมากมายเกินขั้นของตะวาติรฺ และเป็นเรื่องที่มีริวายะฮฺกล่าวไว้มากที่สุด ซึ่งเรื่องราวของศาสนาในเรื่องอื่นๆ มีริวายะฮฺกล่าวไว้เช่นกันแต่น้อยกว่าเรื่องอิมามมะฮฺดีมากนัก ดังนั้นใครก็ตามที่ได้มีอีมานต่อท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)เขาต้องมีอีมานกับท่านอิมามมะฮฺดี (อ.) ไปโดยปริยาย เนื่องจากความมากมายของริวายะฮฺที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)ได้กล่าวไว้

ตัวบทของริวายะฮฺบางบท

๑. เจ้าของหนังสือยะนาบีอุลมะวัดดะฮฺ ได้กล่าวว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)กล่าวว่า “มะฮฺดีเป็นหนึ่งจากบุตรหลานของฉัน เขาจะถูกทำให้เร้นกายและเวลาที่เขาปรากฏกาย เขาจะทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความยุติธรรม ดังที่แผ่นดินเคยเต็มไปด้วยความอยุติธรรม”[3]

๒. หนังสือเล่มเดียวกัน กล่าวว่า ท่านซัลมานฟารซีย์พูดว่า “ฉันได้ไปหาท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)ขณะที่ท่านฮุซัยนฺ บุตร ของท่านอะลีนั่งอยู่บนตักของท่านศาสดา ท่านได้จูบลงบนดวงตาและริมฝีปากของฮุซัยนฺ และกล่าวว่า เจ้าคืออิมาม ลูกของอิมาม น้องชายของอิมาม บิดาของอิมาม เจ้าคือเหตุผล (หุจญัติ) ลูกของหุจญัติ น้องชายของหุจญัติ และเป็นบิดาของบรรดาหุจญัติทั้งหลาย ซึ่งคนที่เก้าเขามีนามว่ากออิม”[4]

๓. อิบนุอบี ดุลุฟ พูดว่า “ฉันได้ยินจากท่านอิมามอะลีบินมุฮัมมัด (อิมามที่ ๑๐) ว่า อิมามหลังจากฉันเป็นบุตรของฉัน ฮะซัน และหลังจากเขาคือบุตรของเขา นามว่ากออิม เขาจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรม เหมือนกับที่เคยเต็มไปด้วยความอยุติธรรม และการกดขี่มาแล้ว”[5]

๔. หุซัยฟะฮฺพูดว่าท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า “ถ้าโลกนี้จะมีเวลาไม่ถึงวัน พระองค์อัลลอฮฺจะทรงทำให้วันนั้นมียาวนานออกไป เพื่อให้บุตรของฉันคนหนึ่งที่มีชื่อเดียวกันกับฉันได้ปรากฏกายออกมา ท่านซัลมานพูดว่า ยารอซุลบุตรคนไหนของท่านหรือ  ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้เอามือวางลงบนท่านฮุซัยนฺพร้อมกับพูดว่า บุตรของเขาคนนี้[6]

๕. มุสอิดะฮฺ ได้เล่าจากท่านอิมามซอดิก (อ.) ว่า “กออิมเป็นบุตรของฮะซัน (อิมามที  ๑๑) ส่วนฮะซันเป็นบุตรของอะลี (อิมามที่ ๑๐) อะลีเป็นบุตรของมุฮัมมัด (อิมามที่ ๙) มุฮัมมัดเป็นบุตรของริฎอ (อิมามที่ ๘) ริฎอเป็นบุตรของบุตรชายของฉันคนนี้ ท่านได้ชี้ไปที่ อิมามมูซาขณะนั้นยังเป็นเด็กอยู่ พวกเราคืออิมามสิบสองท่าน เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากบาป และมลทินทั้งปวง ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่า ถ้าหากโลกนี้มีเวลาไม่เกินหนึ่งวัน พระองค์จะยืดเวลาของมันให้ยาวนานออกไปเพื่อให้กออิม ของเราแห่งอะฮฺลุบัยตฺได้ปรากฏกายออกมา[7]



[1] มัซมูรฺ ๓๗ บันที่ ๑๐-๓๐

[2] กัชฟุด ซุนูน เล่มที่ ๑-๒, ฮะดียะตุลอาริฟีน เล่มที่ ๑-๒,อีฎอหุล มักนูน

[3] มุนตะค่อบุลอะษัรฺ หน้าที่ ๒๔๙

[4] อัลมะฮฺดี หน้าที่ ๖๐

[5] มุนตะค่อบุลอะษัรฺ หน้าที่ ๒๒๕

[6] ซะคออิรุล อุกบาอ์ หน้าที่ ๑๓๖

[7] อิษบาตุลฮุดา เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๕๖๒