ประวัติความเป็นมาของสะกีฟะฮฺ

หลังจากที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้จากไปกลุ่มของอันศอรฺได้มารวมตัวกันที่ สะกีฟะฮฺ บนี ซาอิดะฮฺ  และพูดว่า “เมื่อท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้จากไป ดังนั้นตำแหน่งวิลายะฮฺและการปกครองรัฐอิสลามขอให้เป็นหน้าที่ของ สะอฺ ดิบนิ อิบาดะฮฺ ซึ่งขณะนั้นสะอฺ ไม่สบายแต่เขาได้เข้าร่วมประชุมด้วย เมื่อถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง เขาได้ทำการขอบคุณต่ออัลลอฮฺ และพูดว่า “โอ้ ชาวอันศอรฺเอ๋ย ในอิสลามไม่มีชนกลุ่มใดดีไปกว่าพวกเจ้าอีกแล้ว ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ประกาศศาสนาที่มักกะฮฺเป็นเวลา ๑๓ ปีในหมู่พวกกุเรช ท่านได้เชิญชวนให้พวกเขาเลิกบูชาเจว็ดและรูปปั้นต่างๆ โดยให้หันมาเคารพสักการะต่ออัลลอฮฺ (ซบ.) ผู้ทรงเป็นเอกะ แต่มีกี่คนที่ศรัทธาและเชื่อฟังปฏิบัติตามท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ซึ่งพวกเขาไม่สามารถปกป้องและช่วยเหลือท่านศาสดาได้อีกต่างหาก จนกระทั่งพวกท่านได้มีอีมานต่อท่านศาสดา ยอมรับศาสนาของท่าน พวกท่านได้ต่อสู้และปกป้องท่านศาสดามาตลอดจนกระทั่งอิสลามได้เติบโต และขยายดินแดนออกไปสู่อาณาบริเวณอื่น พวกท่านเป็นทหารกล้าที่คอยพิทักษ์และยืนหยัดเคียงคู่กับอิสลามมาโดยตลอด ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้จากพวกท่านไปด้วยความปิติยินดี และหมดห่วง แต่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ไม่ได้แต่งตั้งบุคคลใดไว้เป็นตัวแทน ณ เวลานี้จึงเป็นโอกาสดี และเป็นสิทธิ์สำหรับพวกท่านที่ต้องแบกรับภาระนั้น”

พวกอันซอรฺ ทั้งหมดได้พูดว่า ท่านพูดถูกต้องแล้ว และพวกเราเห็นสมควรที่ท่านต้องรับหน้าที่เป็นตัวแทนท่านศาสดา ทำหน้าที่ปกครองดูแลมุสลิมทั้งหลาย

บางคนพูดว่า ถ้าพวกกุเรชลุกขึ้นช่วงชิงตำแหน่งดังกล่าว ท่านจะทำเช่นไร

ได้มีบางกลุ่มตอบว่า พวกเราก็จะบอกพวกเขาว่า พวกท่านก็เลือกผู้นำของท่านขึ้นมา ส่วนเราก็จะเลือกผู้นำของเราขึ้นมาเช่นกัน

สะอฺด์ พูดว่า การทำเช่นนี้ถือว่าอันตรายและพวกเราต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

ได้มีคนส่งข่าวให้อุมัรฺ ทราบว่าที่สะกีฟะฮฺกำลังมีการเลือกเคาะลิฟะฮฺ ท่านอุมัรฺได้สั่งให้คนไปบอกอบูบักรฺว่ามีงานด่วนซึ่งขณะนั้น ท่านอบูบักรฺอยู่ที่บ้านของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านอบูบักรฺได้ตอบมาว่า ฉันไม่ว่างกำลังช่วยอะลีจัดการกับร่างอันบริสุทธิ์ของท่านศาสดา ท่านอุมัรฺได้ส่งข่าวไปอีกรอบว่าข่าวสำคัญมากถ้าไม่มีท่านเราคงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น

อบูบักรฺได้ละทิ้งร่างอันบริสุทธิ์ของท่านศาสดาให้ท่านอะลีได้จัดการตามลำพัง และรีบไปหาอุมัรฺ ท่านอุมัรฺได้พูดกับท่านอบูบักรฺว่า ท่านไม่รู้หรือว่าพวกอันศอรฺได้ไปรวมตัวกันที่ สะกีฟะฮฺ และได้เลือกให้สะอฺด์ เป็นเคาะลิฟะฮฺเรียบร้อยแล้ว

ทั้งสองจึงรีบไปที่ สะกีฟะฮฺทันที ในระหว่างทางได้พบกับ อบูอุบัยดะฮฺ ญัรฺรอห์ และได้พาเขาร่วมทางไปด้วย เมื่อไปถึงที่สะกีฟะฮฺท่านอบูบักรฺได้กล่าวปราศรัยทันที “หลังจากสรรเสริญอัลลอฮฺ และศาสดาแล้ว ท่านได้พูดว่า อัลลอฮฺได้ประทานศาสดามาเพื่อแผ่เมตตาธรรมแก่ชนทุกหมู่เหล่า เพื่อเชิญชวนให้พวกเขาไปเคารพสักการะต่อพระเจ้าองค์เดียว ขณะที่พวกเขาได้นับถือพระเจ้าอยู่หลายองค์ด้วยกัน ชาวอาหรับได้ละทิ้งศาสนาของบรรพชน และหันมารับศาสนาที่ท่านศาสดาได้นำมาเผยแพร่ ...ฉะนั้นอัลลอฮฺ (ซบ.) จึงได้ให้พวกมุฮาญิรีนนั้นดีกว่าชนกลุ่มอื่น เนื่องจากพวกเขาเป็นชนกลุ่มแรกที่เข้ารับอิสลาม ได้ลิ้มรสความยากลำบากชนิดเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) มาตลอด ดังนั้นภายหลังจากศาสดาพวกเขาจึงมีความเหมาะกว่าชนกลุ่มอื่นด้วยประการทั้งปวง โอ้ ชาวอันซอรฺเอ๋ยพวกท่านเป็นกลุ่มชนที่ดีที่สุดไม่มีใครปฏิเสธหรอก แม้แต่พวกมุฮาญิรีนก็ไม่ถึงระดับพวกท่าน แต่ยอมให้เราเป็นผู้นำและท่านเป็นที่ปรึกษาของเรา ขอสัญญาว่าพวกเราจะไม่ทำสิ่งใดโดยปราศจากคำปรึกษาของพวกท่าน”

หับบาบ บิน มุนซิรฺ ได้ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “โอ้ ชาวอันซอรฺทั้งหลาย อย่าหลงกลนะ ตำแหน่งผู้นำนั้นอยู่ในมือของพวกท่าน อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด คนอื่นเขาเป็นแขกของท่าน ประชาชนส่วนใหญ่อยู่กับท่านไม่มีใครดีไปกว่าพวกท่าน พวกท่านอย่าขัดแย้งกันเอง มันจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง คนพวกนี้เขาไม่ยอมรับการเป็นผู้นำของท่านอย่างเด็ดขาด ดังนั้นเราต้องมีผู้นำเป็นของพวกเรา และพวกเขาก็มีผู้นำเป็นของพวกเขา”

 อุมัรฺได้พูดว่า ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด พวกอาหรับจะไม่ยอมรับการเป็นผู้นำของพวกท่าน อีกอย่างศาสดาก็ไม่ได้มาจากพวกท่าน”

หับบาบ ได้ยืนขึ้นอีกครั้งและพูดว่า “โอ้ ชาวอันซอรฺ การเลือกสรรและความคิดเป็นของพวกท่าน จงอย่าฟังชายคนนี้ กับพวกพร้องของเขา เพราะคำพูดของเขาจะทำให้การงานของพวกท่านเสียหายทั้งหมด ฉะนั้น ถ้าหากพวกท่านไม่ยอม และขับไล่พวกเขาออกไป พร้อมทั้งยึดตำแหน่งการเป็นผู้นำไว้ พวกท่านคือกลุ่มชนที่ดีที่สุด”

อุมัรฺ ขอให้อัลลอฮฺ ทรงสังหารท่าน

หับบาบ ขอให้อัลลอฮฺ ทรงสังหารท่านเช่นกัน

อบูอุบัยดะฮฺ ได้ห้ามปรามพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน และกล่าวว่า โอ้พี่น้องชาวอันศอรฺทั้งหลาย พวกท่านเป็นกลุ่มแรกที่ได้มีอีมาน และได้ช่วยเหลือท่านศาสดา แล้วทำไมท่านไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเป็นคนแรกด้วยล่ะ

ในตอนนั้น บะชีรฺ บินสะอฺด์ ได้ยืนขึ้นและพูดว่า โอ้ พี่น้อบชาวอันศอรฺทั้งหลาย ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่า ในสงครามนั้นพวกเราเก่งและอาจหาญกว่าบรรดามุชริกีน ในศาสนานี้เรามีประสบการณ์มากกว่าแต่ทว่าเราก็ไม่ได้มุ่งหวังอะไรเกินเลยไปจากความพึงพอพระทัยของพระองค์

อบูบักรฺ พูดว่า ถ้าอย่างนั้นนี่คืออุมัรฺ และนี่คือ อบูอุบัยดะฮฺญัรฺรอห์ พวกท่านจะเลือกให้บัยอัตกับใครก็ได้

อุมัรฺ และอบูอุบัยดะฮฺ ได้พูดว่า ไม่ ..พวกเราขอสาบานต่อพระเจ้าของท่านว่าขณะที่ท่านคือคนที่ดี และประเสริฐที่สุดในหมู่ของพวกมุฮาญีรีน พวกเราไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นหรอก ท่านจงส่งมือมาพวกเราจะให้บัยอัตกับท่าน

ขณะที่อุมัรฺ และอบูอุบัยดะฮฺต้องการจะบัยอัตนั้น บะชีรฺ บิน สะอฺด์ (เป็นชาวอันศอรฺจากเผ่าเอาซ์)[1] ได้รีบให้บัยอัตก่อน

ชนจากเผ่าเอาซ์เมื่อได้เห็นว่า บะชีรฺยอมแพ้ และยกย่องให้พวกกุเรชดีกว่า เผ่าคัซรัจญ์ก็เช่นกันพวกเขาต้องการให้ สะอฺดิบนิ อิบาดะฮฺ เป็นผู้นำ พวกเขาจึงได้พูดกันว่า

“โอ้ พระเจ้าถ้าหากเผ่าคัซรัจญ์ ได้เป็นผู้นำพวกเราก็ต้องดีกว่าเสมอ และพวกเราก็ต้องได้รับส่วนแบ่งที่เป็นกอบเป็นกำมากกว่า ลุกขึ้นเถิดรีบไปให้บัยอัตกับอบูบักรฺดีกว่า

ในเวลานั้นอุมัรฺกับ สะอฺดิบนิ อิบาดะฮฺ ต้องกลายเป็นศัตรูกันทันที อุมัรฺได้ขู่สะอฺด์ว่าต้องฆ่าเขา และจนกระทั่งตลอดชีวิต สะอฺดิบนิ อิบาดะฮฺ ไม่ยอมให้บัยอัตกับอบูบักร[2]



[1] เอาซ์ และคัซรัจญ์ เป็นสองเผ่าที่ยิ่งใหญ่และสำคัญแห่งมะดีนะฮฺ ทั้งสองเผ่ามีการแข่งขันกันมาตลอด และเนื่องจากการแข่งขันนั่นเองทำให้เผ่าเอาซ์รีบให้บัยอัตกับอบูบักร์ก่อน ที่สะอฺดิบนิ อิบาดะฮฺ จากเผ่า คัซรัจญ์จะให้

[2] มีประชาชนมากมายที่ไม่ได้ให้บัยอัตกับอบูบักรฺ อาทิเช่น บนีฮาชิม อับบาสและลูกหลานของเขา หับบาบ บิน มุนซัรฺ ซัลมานฟารซีย์ อบูซัรฺ มิกดารฺ อัมมารฺ ซุเบร คุซัยมะฮฺ อุบัย ยิบนิกะอฺบ์ ฟัรวะฮฺ คอลิด บัรฺรออ์ บิน อาซิบ และ คนอื่นๆ อีกมากมาย (ฟุศูลุลมุฮิมมะฮฺ หน้าที่ ๔๕, ฎ็อบรีย์ เล่มที่ ๔ จากหน้า ๑๘๓๗ เป็นต้นไป