') //-->
<<หลัง | < สารบัญ> | ก่อน >> |
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานียิ่งเสมอ |
|
บทยาซีน |
|
يس (1) |
1. ยาซีน |
وَالْقُرْآنِ الْحَكِيمِ (2) |
2 ขอสาบานด้วยอัล-กุรอานยิ่งด้วยวิทยญาณ |
إِنَّكَ لَمِنَ الْمُرْسَلِينَ (3) |
3 แท้จริง เจ้าเป็นเราะซูล (ผู้ถูกส่ง) คนหนึ่งอย่างแน่นอน |
عَلَى صِرَاطٍ مُّسْتَقِيمٍ (4) |
4. เป็นผู้อยู่บนแนวทางอันเที่ยงธรรม |
تَنزِيلَ الْعَزِيزِ الرَّحِيمِ (5) |
5. อัล-กุรอานนี้ถูกประทานลงมาจากพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงเมตตายิ่งเสมอ |
لِتُنذِرَ قَوْمًا مَّا أُنذِرَ آبَاؤُهُمْ فَهُمْ غَافِلُونَ (6) |
6. เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนกลุ่มชนหนึ่ง ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขามิได้ถูกตักเตือนมาก่อน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สนใจ |
لَقَدْ حَقَّ الْقَوْلُ عَلَى أَكْثَرِهِمْ فَهُمْ لَا يُؤْمِنُونَ (7) |
7. แน่นอน ประกาศิตเป็นที่สมจริงแล้วแก่ส่วนมากของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ศรัทธา |
إِنَّا جَعَلْنَا فِي أَعْنَاقِهِمْ أَغْلاَلاً فَهِيَ إِلَى الأَذْقَانِ فَهُم مُّقْمَحُونَ (8) |
8. แท้จริง เราได้คล้องพันธนาการที่คอของพวกเขาจนถึงคาง ศีรษะของพวกเขาแหงนขึ้น |
وَجَعَلْنَا مِن بَيْنِ أَيْدِيهِمْ سَدًّا وَمِنْ خَلْفِهِمْ سَدًّا فَأَغْشَيْنَاهُمْ فَهُمْ لاَ يُبْصِرُونَ (9) |
9. เราได้ทำสิ่งกีดขวางไว้เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งกีดขวางไว้เบื้องหลังพวกเขา เราได้ปิดบังสายตาพวกเขา พวกเขาจึงมองไม่เห็น |
وَسَوَاءٌ عَلَيْهِمْ أَأَنذَرْتَهُمْ أَمْ لَمْ تُنذِرْهُمْ لاَ يُؤْمِنُونَ (10) |
10. สำหรับพวกเขามีผลเท่ากัน ไม่ว่าเจ้าจะตักเตือนพวกเขาหรือไม่ตักเตือนก็ตาม พวกเขาก็จะไม่ศรัทธา |
إِنَّمَا تُنذِرُ مَنِ اتَّبَعَ الذِّكْرَ وَخَشِيَ الرَّحْمَن بِالْغَيْبِ فَبَشِّرْهُ بِمَغْفِرَةٍ وَأَجْرٍ كَرِيمٍ (11) |
11. อันที่จริง เจ้าเพียงแต่ตักเตือนผู้ที่ปฏิบัติตามข้อตักเตือน และเกรงกลัวพระผู้ทรงเมตตาในทางลับ ดังนั้น จงแจ้งข่าวดีแก่เขาด้วยการอภัยโทษและรางวัลอันมีเกียรติยิ่ง |
إِنَّا نَحْنُ نُحْيِي الْمَوْتَى وَنَكْتُبُ مَا قَدَّمُوا وَآثَارَهُمْ وَكُلَّ شَيْءٍ أحْصَيْنَاهُ فِي إِمَامٍ مُبِينٍ (12) |
12. แน่นอน เราเป็นผู้ให้คนตายกลับมีชีวิตขึ้น เราบันทึกสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้ก่อนหน้าและร่องรอยทั้งหมดของพวกเขา และเราได้รวบรวมทุกสิ่ไว้อย่างครบถ้วนในบันทึกอันชัดแจ้ง |
وَاضْرِبْ لَهُم مَّثَلاً أَصْحَابَ الْقَرْيَةِ إِذْ جَاءَهَا الْمُرْسَلُونَ (13) |
13. และได้ยกตัวอย่างงชาวเมือง (อันฏอกียะฮฺ) แก่พวกเขา เมื่อมีทูตหลายคนมายังเมืองนั้น |
إِذْ أَرْسَلْنَا إِلَيْهِمُ اثْنَيْنِ فَكَذَّبُوهُمَا فَعَزَّزْنَا بِثَالِثٍ فَقَالُوا إِنَّا إِلَيْكُم مُّرْسَلُونَ (14) |
14. เมื่อเราส่งทูตสองคนไปยังพวกเขา แต่พวกเขาปฏิเสธทูตทั้งสอง ดังนั้น (เพื่อช่วยเหลือทูตทั้งสอง) เราจึงส่งทูตคนที่สามไปทั้งหมดกล่าวว่า แท้จริง พวกเราคือเราะซูลที่ถูกส่งมายังพวกท่าน |
قَالُوا مَا أَنتُمْ إِلاَّ بَشَرٌ مِّثْلُنَا وَمَا أَنزَلَ الرَّحْمن مِن شَيْءٍ إِنْ أَنتُمْ إِلاَّ تَكْذِبُونَ (15) |
15. พวกเขาตอบว่า พวกท่านมิเป็นอะไรนอกจากสามัญชนเช่นเดียวกับพวกเรา และพระเจ้าผู้ทรงทรงเมตตามิได้ประทานสิ่งใดลงมา พวกท่านเพียงแค่กล่าวเท็จเท่านั้น |
قَالُوا رَبُّنَا يَعْلَمُ إِنَّا إِلَيْكُمْ لَمُرْسَلُونَ (16) |
16. บรรดาทูตกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเราทรงรู้ดียิ่งว่า
แท้จริงเราคือเราะซูลที่ถูกส่งมายังพวกท่าน |
وَمَا عَلَيْنَا إِلاَّ الْبَلاَغُ الْمُبِينُ (17) |
17. พวกเราไม่มีหน้าที่อื่นใด นอกจากการประกาศเชิญชวนอันชัดแจ้งเท่านั้น |
قَالُوا إِنَّا تَطَيَّرْنَا بِكُمْ لَئِن لَّمْ تَنتَهُوا لَنَرْجُمَنَّكُمْ وَلَيَمَسَّنَّكُم مِّنَّا عَذَابٌ أَلِيمٌ (18) |
18. พวกเขากล่าวว่า แท้จริง พวกเราเห็นพวกท่านเป็นลางร้าย หากพวกท่านไม่ยอมหยุด เราจะเอาหินขว้างพวกท่าน การทรมานและการลงโทษอันเจ็บปวดจากพวกเราจะประสบแก่พวกท่าน |
قَالُوا طَائِرُكُمْ مَعَكُمْ أَئِن ذُكِّرْتُم بَلْ أَنتُمْ قَوْمٌ مُّسْرِفُونَ (19) |
19. บรรดาทูตกล่าวว่า ลางร้ายของพวกท่านมาจากตัวท่านเอง ถ้าพวกท่านคิดให้ดี ทว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ฟุ่มเฟือยและฝ่าฝืน |
وَجَاء مِنْ أَقْصَى الْمَدِينَةِ رَجُلٌ يَسْعَى قَالَ يَا قَوْمِ اتَّبِعُوا الْمُرْسَلِينَ (20) |
20. มีชาย (ศรัทธา) คนหนึ่งจากชานเมืองวิ่งมาอย่างรีบเร่ง กล่าวว่า โอ้ กลุ่มชนของฉันพวกท่านจงปฏิบัติตามบรรดาทูตเถิด |
اتَّبِعُوا مَن لاَّ يَسْأَلُكُمْ أَجْرًا وَهُم مُّهْتَدُونَ (21) |
21. พวกท่านจงปฏิบัติตามผู้ที่มิได้เรียกร้องรางวัลใด ๆ จากพวกท่าน พวกเขาเป็นผู้ได้รับทางนำ |
وَمَا لِي لاَ أَعْبُدُ الَّذِي فَطَرَنِي وَإِلَيْهِ تُرْجَعُونَ (22) |
22. และเหตุใดเล่าฉันจะไม่เคารพภักดีผู้ทรงบังเกิดฉัน และทั้งหมดจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ |
أَأَتَّخِذُ مِن دُونِهِ آلِهَةً إِن يُرِدْنِ الرَّحْمَن بِضُرٍّ لاَّ تُغْنِ عَنِّي شَفَاعَتُهُمْ شَيْئًا وَلاَ يُنقِذُونِ (23) |
23. จะให้ฉันยึดถือพระเจ้าองค์อื่นนอกจากพระองค์กระนั้นหรือ หากพระผู้ทรงเมตตาทรงประสงค์ให้ความทุกข์ยากเกิดแก่ฉัน การชะฟาอะฮฺ (สงเคราะห์) ของพวกเขาจะไม่ก่อประโยชน์อันใดแก่ฉันเลย และพวกเขาก็มิอาจช่วยฉันให้รอดพ้น (การลงโทษ) ได้เลย |
إِنِّي إِذًا لَّفِي ضَلاَلٍ مُّبِينٍ (24) |
24. ถ้าฉันทำเช่นนั้น ฉันจะตกอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง |
إِنِّي آمَنتُ بِرَبِّكُمْ فَاسْمَعُونِ (25) |
25. (ด้วยเหตุนี้) ฉันจึงศรัทธาต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านจงฟังฉันเถิด |
قِيلَ ادْخُلِ الْجَنَّةَ قَالَ يَا لَيْتَ قَوْمِي يَعْلَمُونَ (26) |
26. มีเสียงกล่าวว่า จงเข้ามาในสวรรค์เถิด เขากล่าวว่า โอ้ มาตรว่าหมู่ชนของฉันได้รู้ |
بِمَا غَفَرَ لِي رَبِّي وَجَعَلَنِي مِنَ الْمُكْرَمِينَ (27) |
27. ถึงการที่พระผู้อภิบาลของฉันทรงอภัยให้ฉัน และทรงให้ฉันอยู่ในหมู่ผู้มีเกียรติ |
وَمَا أَنزَلْنَا عَلَى قَوْمِهِ مِن بَعْدِهِ مِنْ جُندٍ مِّنَ السَّمَاء وَمَا كُنَّا مُنزِلِينَ (28) |
28. หลังจากเขาเรามิได้ส่งไพร่พลจากฟากฟ้าลงมายังหมู่ชนของเขา และเราก็มิจำเป็นต้องส่งพวกเขาลงมา |
إِن كَانَتْ إِلاَّ صَيْحَةً وَاحِدَةً فَإِذَا هُمْ خَامِدُونَ (29) |
29. มันเป็นเพียงเสียงกัมปนาทเพียงหนหนึ่ง ทันใดนั้นพวกเขาก็ดับเงียบโดยฉับพลัน |
يَا حَسْرَةً عَلَى الْعِبَادِ مَا يَأْتِيهِم مِّن رَّسُولٍ إِلاَّ كَانُوا بِهِ يَسْتَهْزِؤُون (30) |
30. น่าเวทนาต่อปวงบ่าวที่ไม่มีเราะซูลคนใดมาสั่งสอนพวกเขา เว้นแต่พวกเขาได้เย้ยหยันเขา |
أَلَمْ يَرَوْا كَمْ أَهْلَكْنَا قَبْلَهُم مِّنْ الْقُرُونِ أَنَّهُمْ إِلَيْهِمْ لاَ يَرْجِعُونَ (31) |
31. พวกเขามิได้พิจารณาดอกหรือว่า เราได้ทำลายชนกี่รุ่นแล้วก่อนหน้าพวกเขา (เนื่องจากบาปกรรม) โดยที่ชนเหล่านั้นมิได้กลับมายังพวกเขาอีก |
وَإِن كُلٌّ لَّمَّا جَمِيعٌ لَّدَيْنَا مُحْضَرُونَ (32) |
32. และพวกเขาทั้งหมดทุกคน (วันกิยามะฮฺ) จะถูกนำมาปรากฏตัวต่อหน้าเรา |
وَآيَةٌ لَّهُمُ الْأَرْضُ الْمَيْتَةُ أَحْيَيْنَاهَا وَأَخْرَجْنَا مِنْهَا حَبًّا فَمِنْهُ يَأْكُلُونَ (33) |
33. แผ่นดินที่แห้งแล้งคือสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขา เราได้ชุบชีวิตมันขึ้นมา และเราได้นำเมล็ดพืช (อาหาร) ออกมาจากมัน ซึ่งส่วนหนึ่งพวกเขาใช้กิน |
وَجَعَلْنَا فِيهَا جَنَّاتٍ مِن نَّخِيلٍ وَأَعْنَابٍ وَفَجَّرْنَا فِيهَا مِنْ الْعُيُونِ (34) |
34. ในแผ่นดินนั้นเราได้บันดาลเรือกสวนมากหลาย ทั้งอินทผลัมและองุ่น และเราได้บันดาลให้มีตาน้ำพวยพุ่งในนั้น |
لِيَأْكُلُوا مِن ثَمَرِهِ وَمَا عَمِلَتْهُ أَيْدِيهِمْ أَفَلَا يَشْكُرُونَ (35) |
35. เพื่อพวกเขาจะได้กินผลไม้จากสวน ขณะที่มือของพวกเขามิได้เกี่ยวข้องในการผลิต แล้วพวกเขาจะไม่ขอบคุณกระนั้นหรือ |
سُبْحَانَ الَّذِي خَلَقَ الْأَزْوَاجَ كُلَّهَا مِمَّا تُنبِتُ الْأَرْضُ وَمِنْ أَنفُسِهِمْ وَمِمَّا لَا يَعْلَمُونَ (36) |
36. พระพิสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งเป็นคู่ จากสิ่งที่แผ่นดินได้ให้งอกเงยขึ้นมา จากตัวของพวกเขาเอง และจากสิ่งที่พวกเขามิรู้ |
وَآيَةٌ لَّهُمْ اللَّيْلُ نَسْلَخُ مِنْهُ النَّهَارَ فَإِذَا هُم مُّظْلِمُونَ (37) |
37. ราตรีกาลเป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขา ทันใดที่เราได้ถอดถอนทิวาออกความมืดมิดก็ปกคลุมพวกเขา |
وَالشَّمْسُ تَجْرِي لِمُسْتَقَرٍّ لَّهَا ذَلِكَ تَقْدِيرُ الْعَزِيزِ الْعَلِيمِ (38) |
38. และดวงอาทิตย์โคจรตามวิถีของมัน นี่คือการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงรอบรู้ |
وَالْقَمَرَ قَدَّرْنَاهُ مَنَازِلَ حَتَّى عَادَ كَالْعُرْجُونِ الْقَدِيمِ (39) |
39. และดวงจันทร์นั้น เราได้กำหนดให้มันโคจรไปตามตำแหน่งจนกระทั่งมันได้กลับคืนเป็นเช่นกิ่งอินทผลัมแห้ง |
لَا الشَّمْسُ يَنبَغِي لَهَا أَن تُدْرِكَ الْقَمَرَ وَلَا اللَّيْلُ سَابِقُ النَّهَارِ وَكُلٌّ فِي فَلَكٍ يَسْبَحُونَ (40) |
40. ไม่สมควรแก่ดวงอาทิตย์ที่จะไล่ตามใกล้ดวงจันทร์ และราตรีก็จะไม่ล้ำหน้าทิวา และทั้งหมดจะเวียนว่ายไปตามวิถีโคจรของตนอยู่ในจักรวาล |
وَآيَةٌ لَّهُمْ أَنَّا حَمَلْنَا ذُرِّيَّتَهُمْ فِي الْفُلْكِ الْمَشْحُونِ (41) |
41. อีกสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขาคือ เราได้บรรทุกลูกหลานของพวกเขาไว้ในเรือจนเต็ม |
وَخَلَقْنَا لَهُم مِّن مِّثْلِهِ مَا يَرْكَبُونَ (42) |
42. และเราได้สร้างพาหะนะแบบเดียวกันแก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขาขับขี่ |
وَإِن نَّشَأْ نُغْرِقْهُمْ فَلَا صَرِيخَ لَهُمْ وَلَا هُمْ يُنقَذُونَ (43) |
43. และถ้าเราประสงค์เราจะจมพวกเขา ทั้งที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ตะโกนขอความช่วยเหลือ และพวกเขาก็จะไม่ถูกช่วยให้รอดพ้น |
إِلَّا رَحْمَةً مِّنَّا وَمَتَاعًا إِلَى حِينٍ (44) |
44. นอกเสียจากความเมตตาจากเราและความเพลิดเพลินชั่วระยะหนึ่งจะครอบคลุมพวกเขา |
وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّقُوا مَا بَيْنَ أَيْدِيكُمْ وَمَا خَلْفَكُمْ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ (45) |
45. และเมื่อมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า จงหวั่นเกรงสิ่ง (การลงโทษของพระเจ้า) ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังสูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้รับความเมตตา |
وَمَا تَأْتِيهِم مِّنْ آيَةٍ مِّنْ آيَاتِ رَبِّهِمْ إِلَّا كَانُوا عَنْهَا مُعْرِضِينَ (46) |
46. และไม่มีสัญญาณใดในบรรดาสัญญาณของพระผู้อภิบาลของพวกเขามีมายังพวกเขา นอกเสียจากพวกเขาจะหันหลังให้สัญญาณเหล่านั้น |
وَإِذَا قِيلَ لَهُمْ أَنفِقُوا مِمَّا رَزَقَكُمْ اللَّهُ قَالَ الَّذِينَ كَفَرُوا لِلَّذِينَ آمَنُوا أَنُطْعِمُ مَن لَّوْ يَشَاءُ اللَّهُ أَطْعَمَهُ إِنْ أَنتُمْ إِلَّا فِي ضَلَالٍ مُّبِينٍ (47) |
47. เมื่อมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า จงบริจาคสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า บรรดาผู้ปฏิเสธจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า จะให้เราให้อาหารแก่ผู้ที่หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ก็จะให้อาหารแก่เขากระนั้นหรือ พวกท่านมิใช่อื่นใด นอกจากอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง |
وَيَقُولُونَ مَتَى هَذَا الْوَعْدُ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ (48) |
48. พวกเขากล่าวว่า ถ้าพวกท่านพูดจริง เมื่อใดเล่าสัญญา (กิยามะฮฺ) จะเกิดขึ้น |
مَا يَنظُرُونَ إِلَّا صَيْحَةً وَاحِدَةً تَأْخُذُهُمْ وَهُمْ يَخِصِّمُونَ (49) |
49. พวกเขามิได้คอยสิ่งใด นอกจากเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะคร่าชีวิตพวกเขา ในขณะที่พวกเขาโต้เถียง (ภารกิจทางโลก) กันอยู่ |
فَلَا يَسْتَطِيعُونَ تَوْصِيَةً وَلَا إِلَى أَهْلِهِمْ يَرْجِعُونَ (50) |
50. (มันเกิดฉับพลันจน) พวกเขาไม่สามารถสั่งเสียอันใด และไม่ทันจะกลับไปยังครอบครัวของพวกเขา |
وَنُفِخَ فِي الصُّورِ فَإِذَا هُم مِّنَ الْأَجْدَاثِ إِلَى رَبِّهِمْ يَنسِلُونَ (51) |
51. และแตรสังข์จะถูกเป่าขั้นอีก ทันใดนั้นพวกเขาจะออกจากหลุมฝังศพ แล้วรีบรุดไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขาทันที |
قَالُوا يَا وَيْلَنَا مَن بَعَثَنَا مِن مَّرْقَدِنَا هَذَا مَا وَعَدَ الرَّحْمَنُ وَصَدَقَ الْمُرْسَلُونَ (52) |
52. พวกเขากล่าวว่า โอ้ ความหายนะที่ประสบแก่เรา ผู้ใดเล่าที่ให้เราฟื้นขึ้นจากที่นอนของเรา (ใช่) นี่คือสิ่งที่พระผู้ทรงเมตตายิ่งทรงสัญญาไว้ และบรรดาเราะซูลนั้นพูดจริง |
إِن كَانَتْ إِلَّا صَيْحَةً وَاحِدَةً فَإِذَا هُمْ جَمِيعٌ لَّدَيْنَا مُحْضَرُونَ (53) |
53. เสียงกัมปนาทดังเพียงครั้งเดียว ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็จะถูกนำมาปรากฏต่อหน้าเรา |
فَالْيَوْمَ لَا تُظْلَمُ نَفْسٌ شَيْئًا وَلَا تُجْزَوْنَ إِلَّا مَا كُنتُمْ تَعْمَلُونَ (54) |
54. (จะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า) ในวันนี้ไม่มีชีวิตใดจะถูกอยุติธรรมแต่ประการใด และสูเจ้าจะไม่ได้รับการตอบแทนรางวัลเว้นแต่สิ่งที่สูเจ้าได้ปฏิบัติไว้ |
إِنَّ أَصْحَابَ الْجَنَّةِ الْيَوْمَ فِي شُغُلٍ فَاكِهُونَ (55) |
55. แน่นอน วันนี้ชาวสวรรค์จะสุขสำราญอยู่กับความโปรดปรานของพระเจ้า |
هُمْ وَأَزْوَاجُهُمْ فِي ظِلَالٍ عَلَى الْأَرَائِكِ مُتَّكِؤُونَ (56) |
56. พวกเขาและคู่ครองของพวกเขาจะอยู่ภายใต้ร่มเงา นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง |
لَهُمْ فِيهَا فَاكِهَةٌ وَلَهُم مَّا يَدَّعُونَ (57) |
57. สำหรับพวกเขาในสรวงสวรรค์จะมีผลไม้รสชาติอร่อย จะมอบทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนา |
سَلَامٌ قَوْلًا مِن رَّبٍّ رَّحِيمٍ (58) |
58. ความศานติ (พึงมีแด่พวกเขา) นี่คือพระดํารัสหนึ่งจากพระผู้อภิบาลผู้ทรงปรานียิ่ง |
وَامْتَازُوا الْيَوْمَ أَيُّهَا الْمُجْرِمُونَ (59) |
59. วันนี้พวกเจ้าจงออกไปให้พ้น โอ้ คนบาปทั้งหลาย |
أَلَمْ أَعْهَدْ إِلَيْكُمْ يَا بَنِي آدَمَ أَن لَّا تَعْبُدُوا الشَّيْطَانَ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُّبِينٌ (60) |
60. ข้ามิได้บัญชาแก่พวกเจ้าดอกหรือ โอ้ ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ว่าพวกเจ้าอย่าได้สักการะบูชาชัยฏอน แท้จริงมันนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเจ้า |
وَأَنْ اعْبُدُونِي هَذَا صِرَاطٌ مُّسْتَقِيمٌ (61) |
61. แต่พวกเธอจงเคารพภักดีข้า นี่คือแนวทางอันเที่ยงตรง |
وَلَقَدْ أَضَلَّ مِنكُمْ جِبِلًّا كَثِيرًا أَفَلَمْ تَكُونُوا تَعْقِلُونَ (62) |
62. แน่นอน มันได้ทำให้หมู่ชนจำนวนมากของสูเจ้าหลงทาง แล้วเหตุใดสูเจ้าจึงไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญเล่า |
هَذِهِ جَهَنَّمُ الَّتِي كُنتُمْ تُوعَدُونَ (63) |
63. นี่คือนรกญะฮันนัม ซึ่งถูกสัญญาไว้แก่พวกเจ้า |
اصْلَوْهَا الْيَوْمَ بِمَا كُنتُمْ تَكْفُرُونَ (64) |
64. วันนี้พวกเจ้าจงเข้าไปลิ้มรสในไฟเถิด เนื่องจากพวกเจ้าปฏิเสธ |
الْيَوْمَ نَخْتِمُ عَلَى أَفْوَاهِهِمْ وَتُكَلِّمُنَا أَيْدِيهِمْ وَتَشْهَدُ أَرْجُلُهُمْ بِمَا كَانُوا يَكْسِبُونَ (65) |
65. วันนี้เราจะปิดผนึกปากของพวกเขา มือของพวกเขาจะพูดกับเรา และเท้าของพวกเขาจะยืนยันตามที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ |
وَلَوْ نَشَاءُ لَطَمَسْنَا عَلَى أَعْيُنِهِمْ فَاسْتَبَقُوا الصِّرَاطَ فَأَنَّى يُبْصِرُونَ (66) |
66. ถ้าหากเราประสงค์ เราจะทำให้ตาของพวกเขาบอด แล้วพวกเขาก็จะคลำหาทางเที่ยงตรง แต่พวกเขาจะมองเห็นได้อย่างไร |
وَلَوْ نَشَاءُ لَمَسَخْنَاهُمْ عَلَى مَكَانَتِهِمْ فَمَا اسْتَطَاعُوا مُضِيًّا وَلَا يَرْجِعُونَ (67) |
67. ถ้าหากเราประสงค์ เราจะแปลงรูปของพวกเขาให้อยู่กับที่ของพวกเขา (เปลี่ยนเป็นรูปไร้วิญญาณ) เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ไปข้างหน้า หรือถอยหลังกลับ |
وَمَنْ نُعَمِّرْهُ نُنَكِّسْهُ فِي الْخَلْقِ أَفَلَا يَعْقِلُونَ (68) |
68. และผู้ใดที่เราทำให้เขามีอายุยืนนาน เราจะให้เขากลับคืนสู่สภาพเมื่อตอนแรกเกิด แล้วพวกเขาไม่ใคร่ครวญบ้างหรือ |
وَمَا عَلَّمْنَاهُ الشِّعْرَ وَمَا يَنبَغِي لَهُ إِنْ هُوَ إِلَّا ذِكْرٌ وَقُرْآنٌ مُّبِينٌ (69) |
69. เรามิได้สอนบทกวีแก่เขา (นบี) และไม่เหมาะสมแก่เขาที่จะเป็นกวี คัมภีร์นี้มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นข้อตักเตือนและเป็นคัมภีร์อันชัดแจ้ง |
لِيُنذِرَ مَن كَانَ حَيًّا وَيَحِقَّ الْقَوْلُ عَلَى الْكَافِرِينَ (70) |
70. เพื่อตักเตือนผู้ที่มีชีวิต (เป็นข้อพิสูจน์สมบูรณ์แก่ผู้ปฏิเสธ) และคำสั่งลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นสัจจริง |
أَوَلَمْ يَرَوْا أَنَّا خَلَقْنَا لَهُمْ مِمَّا عَمِلَتْ أَيْدِينَا أَنْعَامًا فَهُمْ لَهَا مَالِكُونَ (71) |
71. พวกเขามิได้พิจารณาดูสิ่งที่เราได้สร้างขึ้นด้วยอำนาจของเรา และเราได้สร้างปศุสัตว์ขึ้นมาเพื่อพวกเขา แล้วพวกเขาก็ได้ครอบครอง |
وَذَلَّلْنَاهَا لَهُمْ فَمِنْهَا رَكُوبُهُمْ وَمِنْهَا يَأْكُلُونَ (72) |
72. เราได้ทำให้มันเชื่องแก่พวกเขา บางชนิดพวกเขาใช้เป็นพาหนะ และบางชนิดพวกเขาบริโภคเป็นอาหาร |
وَلَهُمْ فِيهَا مَنَافِعُ وَمَشَارِبُ أَفَلَا يَشْكُرُونَ (73) |
73. พวกเขายังได้รับประโยชน์อย่างอื่นอีกมาก (ในตัวสัตว์) อีกทั้งเครื่องดื่ม แล้วพวกเขายังไม่ขอบคุณอีกหรือ |
وَاتَّخَذُوا مِن دُونِ اللَّهِ آلِهَةً لَعَلَّهُمْ يُنصَرُونَ (74) |
74. พวกเขาได้ยึดถือพระเจ้าอื่น (เพื่อเคารพสักการะ) นอกจากอัลลอฮฺ โดยหวังว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ |
لَا يَسْتَطِيعُونَ نَصْرَهُمْ وَهُمْ لَهُمْ جُندٌ مُّحْضَرُونَ (75) |
75. แต่พวกมันไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ พวกมันจะถูกนำมาปรากฏตัวเป็นกองพลแก่พวกเขา (ในไฟนรก) |
فَلَا يَحْزُنكَ قَوْلُهُمْ إِنَّا نَعْلَمُ مَا يُسِرُّونَ وَمَا يُعْلِنُونَ (76) |
76. ดังนั้น อย่าได้ให้คำพูดของพวกเขาทำให้สูเจ้าเสียใจ แท้จริงเรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบัง และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย |
أَوَلَمْ يَرَ الْإِنسَانُ أَنَّا خَلَقْنَاهُ مِن نُّطْفَةٍ فَإِذَا هُوَ خَصِيمٌ مُّبِينٌ (77) |
77. มนุษย์ไม่รู้ดูดอกหรือว่า เราได้บังเกิดเขามาจากน้ำอสุจิโสโครก (เมื่อมีอำนาจ มีปัญญาและพูดได้) จงดูซิเขาได้กลายเป็นคู่ปรปักษ์ตัวฉกาจ (กับเรา) |
وَضَرَبَ لَنَا مَثَلًا وَنَسِيَ خَلْقَهُ قَالَ مَنْ يُحْيِي الْعِظَامَ وَهِيَ رَمِيمٌ (78) |
78. เขาได้ยกอุทาหรณ์เปรียบเปรยแก่เรา เขาได้ลืมชาติกำเนิดของตน และกล่าวว่า ผู้ใดเล่าจะชุบชีวิตกระดูกขึ้นมาอีกในเมื่อมันเป็นผุยผงไปแล้ว |
قُلْ يُحْيِيهَا الَّذِي أَنشَأَهَا أَوَّلَ مَرَّةٍ وَهُوَ بِكُلِّ خَلْقٍ عَلِيمٌ (79) |
79. จงกล่าวเถิด พระผู้ทรงชุบชีวิตมันขึ้นมาคือผู้บังเกิดมันในครั้งแรก และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้การบังเกิดทุกสิ่ง |
الَّذِي جَعَلَ لَكُم مِّنَ الشَّجَرِ الْأَخْضَرِ نَارًا فَإِذَا أَنتُم مِّنْهُ تُوقِدُونَ (80) |
80. พระองค์ทรงบันดาลไฟแก่สูเจ้าจากต้นไม้เขียวสด แล้วสูเจ้าได้จุดมันจากเชื้อไฟนั้น |
أَوَلَيْسَ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ بِقَادِرٍ عَلَى أَنْ يَخْلُقَ مِثْلَهُم بَلَى وَهُوَ الْخَلَّاقُ الْعَلِيمُ (81) |
81. พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จะไม่สามารถสร้างเช่นเดียวกับพวกเขากระนั้นหรือ แน่นอน (ย่อมทำได้) พระองค์ เป็นพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงรอบรู้ |
إِنَّمَا أَمْرُهُ إِذَا أَرَادَ شَيْئًا أَنْ يَقُولَ لَهُ كُنْ فَيَكُونُ (82) |
82. อันที่จริง พระบัญชาของพระองค์เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์จะประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นแล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา |
فَسُبْحَانَ الَّذِي بِيَدِهِ مَلَكُوتُ كُلِّ شَيْءٍ وَإِلَيْهِ تُرْجَعُونَ (83) |
83. ดังนั้น มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ พระผู้ทรงมีพระอำนาจเหนือทุกสิ่งในพระหัตถ์ และสูเจ้าจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ |
<<หลัง | < สารบัญ> | ก่อน >> |