') //-->
ในหมู่ประชาชนชาวกูฟะฮฺและผู้ร่วมขบวนการกับท่านอิมาม (อ.) บางคน ได้มีข้ออ้างต่างๆ หรือมีเหตุผลอื่นเป็นองค์ประกอบ จนกระทั่งไม่ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.) และไม่ได้รับตำแหน่งชะฮีด ดังนั้น การวิเคราะห์ถึงสาเหตุเหล่านั้นย่อมเป็นประโยชน์และเป็นบทเรียนแก่พวกเราอย่างมากมาย
ฮิลาล บุตรของนาฟิอฺ และอุมะริบนิ คอลิด ได้เดินทางมาจากกูฟะฮฺเพื่อเข้าพบท่านอิมาม (อ.) เมื่อท่านอิมามถามเขาถึงสภาพของประชาชนชาวกูฟะฮฺ พวกเขากล่าวว่า
اما الاغنياء فقلوبهم الى ابن زياد و اما باقى الناس فقلوبهم اليك
คนร่ำรวยนั้นห้วใจของพวกเขาอยู่กับบุตรของซิยาด (เจ้าเมืองกูฟะฮฺ) ส่วนประชาชนที่เหลือ (คนยากจนและฐานะปานกลาง) หัวใจของพวกเขาอยู่กับท่าน[1]
ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) กล่าวถึงสาเหตุที่ประชาชนหลงทางออกไปและไม่ได้รับทางนำว่า ..
ملئت بطونكم من الحرام فطبع على قلوبكم
เนื่องจากท้องของพวกเจ้าเต็มไปด้วยอาหารที่ฮะรอม หัวใจของพวกเจ้าจึงถูกลงตราเอาไว้ (จึงไม่เข้าใจสิ่งใดทั้งสิ้น)[2]
ท่านอิมาม (อ.) ได้ประกาศด้วยเสียงดังว่า ใครก็ตามที่ยังเป็นหนี้สินอยู่ไม่ต้องออกไปสู้รบพร้อมกับข้า[3]
ประเด็นดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า สิทธิของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นสิ่งที่มีความสลักสำคัญอย่างยิ่ง เป็นการเตือนสติบรรดาผู้ปฏิบัติตามและบรรดาผู้ที่จัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมาม (อ.) ให้ทราบว่า จำเป็นต้องเคารพและให้เกียรติในสิทธิของบุคคลอื่น เพื่อว่าเราจะได้เป็นเยี่ยงฮุซัยนฺ
มีบางกลุ่มชนอยู่กับท่านอิมามจนถึงค่ำของอาชูรอ แต่ว่าไม่มีเตาฟีกในการเป็นชะฮีดและได้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านอิมาม (อ.)
เมื่อท่านอิมาม (อ.) ประกาศข่าวการเป็นชะฮีดของท่านและของทุกคนในค่ำอาชูรอ พร้อมกับถอดถอนสัตยาบันของท่านออกจากทุกคนมีประชาชนกลุ่มละ 10 คน และ 20 คนบ้างถอนตัวออกไปจากกัรบะลาอฺ จนกระทั่งเหลือแค่ 71 คนเท่านั้น[4]
เป็นไปได้ที่มนุษย์บางคนเดินทางไปจนเกือบถึงสถานอันบรมสุขหรือความผาสุกนิรันดร ทว่าเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในบัดดลทำให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือและเท้าสั่นหวั่นไหว ทรัพย์สมบัติทางโลก ความลุ่มหลง ความห่วงใย และความผิดกลายเป็นอุปสรรคเหนี่ยวรั้งมิให้เขายืนหยัดอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องวิงวอนต่ออัลลอฮฺตลอดเวลาว่า
โอ้ อัลลอฮฺ โปรดประทานการยืนหยัดและความอดทนแก่พวกเรา โปรดประทานความมั่นคงแก่เท้าทั้งสองของเรา และโปรดให้พวกเราประสบความสำเร็จในการตัดสินใจเมื่อเราต้องถูกทดสอบด้วยทางสองแพ่ง
اللهم افرغ علينا صبرا و ثبت اقدامنا
เมื่อกองคาราวานของท่านอิมาม (อ.) ได้มาหยุดลง ณ สถานที่แห่งหนึ่งนามว่า ซุบาละฮฺ ท่านก็ได้รับข่าวการเป็นชะฮีดของท่านมุสลิมและฮานียฺ หลังจากนั้นท่านอิมาม (อ.) จึงได้ถอนสัตยาบันของท่านออกจากทุกคน ทำให้มีชนบางกลุ่มถอนตัวและทิ้งท่านอิมามออกไป[5]
มีชนบางกลุ่มอยู่ในสนามแห่งอาชูรอ แต่ได้พยายามหาข้ออ้างเพื่อจะถอยห่างออกไป พวกเขาไม่พร้อมที่จะอยู่ร่วมกับอิมาม (อ.) เพื่อทำการสู้รบและเป็นชะฮีด ซึ้งข้ออ้างของพวกเขาเหล่านั้นคือ
บางคนอ้างว่า ฉันยังมีหนี้สินติดค้างอยู่ต้องชำระและครอบครัวก็ไร้ความสามารถที่จะชำระหนี้[6]
บางคนอ้างว่า ฉันทิ้งบุตรสาวไว้ที่กูฟะฮฺตามลำพัง ฉันเกรงว่าเธอจะได้รับอันตราย[7]
บางคนอ้างว่า ฉันเกรงว่าพวกเขาจะทำร้ายครอบครัวและทำลายบ้านฉัน (ข้ออ้างของอุมะริบนิสะอัด)[8]
บางคนอ้างว่า ฉันเกรงว่าพวกเขาจะยึดทรัพย์สินของฉันไป[9]
บางคนอ้างว่า ฉันเกรงว่าลูกและภรรยาจะตกอยู่ในอันตราย[10]
สิ่งที่น่าทึ่งคือ ท่านอิมาม (อ.) ได้พยายามแก้ไขข้ออ้างของอุมะริบนิสะอัด และให้หลักประกันแก่เขาว่า ครอบครัวและทรัพย์สินของเขาจะปลอดภัยทุกอย่าง
ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า ข้าจะตอบแทนทรัพย์สินที่เจ้าสูญเสียไป กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.)
ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้เชิญชวน อุบัยดิลลาฮฺ บุตรของโฮร ญะอฺฟียฺ ด้วยตัวท่านเอง แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับคำเชิญ เพียงแค่เสนอให้ม้าและดาบแก่ท่านอิมาม ท่านอิมาม (อ.) ปฏิเสธไม่ยอมรับข้อเสนอของเขา เนื่องจากอดีตเขาเคยเป็นโจรปล้นสะดมและยังมิได้ขอลุแก่โทษ[11]
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.)
บางคนประสบโชคดีได้รับเตาฟีก (ความสำเร็จ) ในการช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.) ซึ่งการพิจารณาวิถีชีวิตของพวกเขาถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง กับเหล่าบรรดาผู้เจริญรอยตามแนวทางของท่านอิมาม (อ.)
1. เหล่าสหายผู้ซื่อสัตย์ในนครมักกะฮฺ พวกเขาได้บำเพ็ญฮัจญฺเพียงครึ่งเดียว หลังจากนั้นพวกเขาได้เข้าร่วมขบวนการของท่านอิมาม (อ.) และได้รับเตาฟีกในการช่วยเหลือท่านอิมาม
2. ทาสรับใช้ชาวเติกร์คนหนึ่งนามว่า อัสลัม บุตรของอุมัร เขาเป็นคนรับใช้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) แต่เนื่องจากการรู้จักและการได้อยู่ร่วมกับท่านอิมาม (อ.) เป็นสาเหตุทำให้เขากลายเป็นสหายผู้ช่วยเหลือท่านอิมาม และสุดท้ายเขาได้รับชีวิตอันจำเริญผาสุกยิ่ง[12]
3. นักกอรีอัล-กุรอานบางคน เช่น บุรีร บุตรของ ฮุเฟร ฮัมเมดานี เขาได้รีบร้อนไปช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.) และได้รับชะฮีดในที่สุด[13]
พวกเขาเป็นนักอ่านอัล-กุรอานที่มีความสำคัญในยุคสมัยของตน ทว่าได้ชะฮีดเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านอิมาม (อ.)
4. ทาสผิวดำของท่านอบูซัร เฆาะฟารียฺ เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับเตาฟีกในการช่วยเหลือท่านอิมาม (อ.) เขาสมัครใจที่จะอยู่ในกัรบะลาอฺกับท่านอิมาม และอาสาที่จะออกรบเพื่อให้เลือดสีดำของตนได้ผสมกับเลือดของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ (อ.)[14]
แน่นอนว่า มรรคผลอันเป็นความจำเริญผาสุกและการได้รับชะฮีดของทาสผิวสีดำคนนี้ เนื่องจากเขาได้อยู่ร่วมกับบุคคลเฉกเช่น อบูซัร มาก่อนนั่นเอง
5. การลุแก่โทษของกลุ่มชนที่หัวใจเปิดกว้าง เช่น โฮร ซึ่งจุดประสงค์ของเขาที่เดินทางไปกัรบะลาอฺก็เพื่อต่อสู้กับท่านอิมาม (อ.) ทว่าเนื่องจากหัวใจของเขาเปิดกว้างยอมรับความจริงและได้ขอลุแก่โทษ เขาจึงสามารถกลับใจเข้าเป็นสหายของท่านอิมาม (อ.) และได้รับความช่วยเหลือในที่สุด
6. ความจำเริญผาสุกนิรันดรพึงมีแด่กลุ่มชนที่ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้กล่าวเชิญชวนเขาไปสู่สัจธรรมความจริง และพวกเขาตอบรับคำเชิญนั้นได้แก่ ซุเฮร บิน เกน เป็นต้น ซึ่งในตอนแรกเขาหนีท่านอิมามด้วยซ้ำไป แต่ท่านอิมาม (อ.) ได้ส่งตัวแทนไปเชิญชวนเขาอีกครั้ง เขาได้ตอบรับคำเชิญและเข้าพบท่านอิมามในที่สุดก็ได้รับทางนำและความช่วยเหลือ