จากวันประสูติจนกระทั่งวันชะฮีดของอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.)

            สภาพชีวิตของท่านอิมามมะฮ์ดีย์ (อ.) ในช่วงนี้มีประเด็นสำคัญต่าง ๆ มากมาย และมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะนำเสนอเฉพาะบางประเด็น เช่น

การแนะนำอิมามมะฮ์ดีย์ต่อบรรดาชีอะฮ์

            เมื่อการประสูติท่านอิมามมะฮ์ดีย์ (อ.) ถูกปกปิดจากบุคคลภายนอก ดังนั้น จึงไม่มีบุคคลใดรู้จักอิมาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาชีอะฮฺ ซึ่งพวกเขาอาจเข้าใจข้อพิสูจน์สุดท้ายของพระเจ้าผิด และเป็นสาเหตุทำให้พวกเขาหลงทาง ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นหน้าที่ของท่านอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) ที่ต้องแนะนำบุตรชายของท่านแก่บรรดาหัวหน้าชีอะฮฺ และบุคคลที่ไว้วางใจได้ในสมัยนั้น เพื่อให้พวกเขาเป็นผู้แจ้งข่าวการกำเนิดของท่านอิมามมะฮ์ฺดีย์ (อ.) แก่บุคคลอื่น และเพื่อเป็นการป้องกันมิให้ศัตรูทราบข่าวที่ชัดเจน

            อะฮฺมัด บุตรของอิซฮาก เป็นหัวหน้าชีอะฮฺ และเป็นสาวกชั้นพิเศษของท่านอิมามฮะซัน อัซการย์ (อ.) กล่าวว่า ฉันได้ไปพบท่านอิมามฮะซันฮัซการีย์ (อ.) เืพื่อต้องการถามถึงอิมามภายหลังจากท่าน แต่ก่อนที่ฉันจะกล่าวสิ่งใดออกมา อิมาม (อ.) กล่าวว่า โอ้อะฮฺมัดเอ๋ย นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างอาดัมขึ้นมาบนโลกนี้ พระองค์ไม่เคยปล่อยให้แผ่นดินของพระองค์ว่างเว้นจากข้อพิสูจน์เลย และจนถึงวันแห่งการอวสานก็จะไม่เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด พระองค์ทรงขจัดการทดสอบและบะลาอ์ต่าง ๆ ไปจากประชาชาติ เนื่องจากข้อพิสูจน์ของพระองค์ (การมีอยู่ของข้อพิสูจน์) พระองค์ทรงใ้ห้ฝนตก และพืชพันธ์ได้งอกเงยขึ้นจากพื้นดิน

            ฉันถามว่า โอ้บุตรแห่งศาสนทูต ใครคืออิมามภายหลังจากท่าน

            ท่านอิมาม (อ.) ได้เข้าไปในบ้านของท่าน และอุ้มเด็กน้อยวัยสามขวบที่ใบหน้าเปล่งได้ด้วยรัศมี ดุจดังดวงจันทร์ที่นวลผ่องออกมาคนหนึ่ง แล้วกล่าวว่า โอ้อะฮฺมัดเอ๋ย มาตรว่าข้อพิสูจน์ของพระเจ้า ณ พระองค์แล้วไม่ค่าและไม่มีความหมาย ฉันจะไม่แนะนำเด็กน้อยคนนี้แก่เจ้าเด็ดขาด นามและฉายานามของเขาคือนามและฉายานามของศาสดา เขาคือผู้ที่จะสถาปนาโลกให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม ดุจดังที่ครั้งหนึ่งโลกเคยเต็มไปด้วยความอยุติธรรม

            ฉันกล่าวว่า โอ้นายของข้าฯ มีเครื่องหมายอันใดที่พอจะทำให้จิตใจของฉันผ่อนคลายลงบ้าง

            ในเวลานั้น เด็กน้อยได้ขยับริมฝีปากพร้อมกับกล่าวว่า

اَنَا بَقِيةُ اللَّهِ فِي اَرَضِهِ والمُنْتَقِمُ مِنْ اَعْدَائِهِ

            ฉันคือผู้คงเหลืออยู่ของพระเจ้าบนหน้าแผ่นดิน และเป็นผู้ล้างแค้นศัตรูของพระองค์... โอ้อะฮฺมัดเอ๋ย หลังจากที่เจ้าได้เห็นกับตาแล้วจงเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา

            อะฮฺมัด บุตรของอิซฮาก กล่าวว่า หลังจากที่ฉันได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ฉันได้ออกจากบ้านของอิมามด้วยความปิติยินดีอย่างยิ่ง[1]

            ในทำนองเดียวกัน มุฮัมมัด บุตรของอุสมาน และบรรดาหัวหน้าชีอะฮฺอีกหลายท่านกล่าวว่า มีชีอะฮฺประมาณ 40 คนได้เดินทางมาพบท่านอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) อิมามได้แนะนำบุตรชายของท่านแก่พวกเรา หลังจากนั้นกล่าวว่า ภายหลังจากฉัน เด็กคนนี้คืออิมามและเป็นตัวแทนของฉันในหมู่พวกท่าน จงเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา หลังจากฉันแล้วจงอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา ซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้พวกเจ้าพบกับความหายนะ และหลังจากวันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าจะไม่ได้เห็นเขาอีก[2]

            กล่าวว่า หนึ่งในหลักการของศาสนาและแบบฉบับของท่านศาสดาสอนให้ทำอะกีเกาะฮ์ จัดพิธีมงคลแก่เด็กที่เพิ่งเกิดโดยการเชือดแพะหรือแกะ และเลี้ยงอาหารประชาชน ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลทำให้เด็กมีความสิริมงคลและอายุยืน อิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) ได้จัดพิธีอะกีเกาะฮฺให้กับบุตรชายของท่านหลายครั้ง[3] การปฏิบัติตามแบบฉบับที่ดีของท่านศาสดา เพื่อเป็นการแจ้งข่าวการกำเนิดบุตรชายของท่านแก่บรรดาชีอะฮฺทั้งหลาย

            มุฮัมมัด อบรมฮีมกล่าวว่า อิมามอัซการีย์ (อ.) ได้เชือดแกะแล้วส่งไปให้ชีอะฮฺคนหนึ่งของท่าน พร้อมกับกล่าวว่า นี่คืออะกีเกาะฮฺบุตรชายของฉัน มุฮัมมัด[4]

อภินิหารและกะรอมัต

            หนึ่งในความจารึกที่สำคัญแห่งชีวิตอันจำเริญของท่านอิมามมะฮ์ดีย์ (อ.) นับตั้งแต่ปีแรกที่ถือกำเนิดจนกระทั่งได้เร้นกายหายไปคือ อภินิหารและความกะรอมัตต่าง ๆ ที่ท่านอิมามได้แสดงให้เห็น ซึ่งโดยปกติแล้วประเด็นดังกล่าวได้ถูกลืมเลือนหายไปจากชีวิตแห่งข้อพิสูจน์สุดท้ายของพระเจ้า ณ ที่นี้จึงขอนำเสนอบางประการเพื่อเป็นตัวอย่าง

อิบรอฮีม บุตรของอะฮฺมัด นิชอบูรีย์ กล่าวว่า  ครั้นเมื่อ อัมมะริบ เอาฟ์ หนึ่งในผู้ปกครองที่กดขี่ซึ่งมีนิสัยชอบเข่นฆ่าบรรดาชีอะฮฺ ตั้งใจที่จะฆ่าฉัน ๆ กลัวมาก ประหนึ่งว่าความหวาดกลัวได้ครอบงำฉันไปทั่วเรือนร่าง หลังจากได้กล่าวอำลาทุกคนในครอบครัวแล้ว ฉันได้มุ่งหน้าไปยังบ้านของอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) เพื่อกล่าวอำลาท่าน เมื่อฉันเข้าไปในบ้านของอิมาม ฉันเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งมีใบหน้าเปล่งประกายด้วยรัศมีเหมือนดวงจันทร์คืนวันเพ็ญ รัศมีบนในหน้าของท่านสร้างความฉงนสงสัยแก่ฉันและทำให้ลืมความสะทกสะท้าน และความหวาดกลัวที่สุมอยู่ในหัวอกไปจนหมดสิ้น

ในเวลานั้นเด็กน้อยคนดังกล่าว ได้กล่าวกับฉันว่าโอ้อิบรอฮีมไม่มีความจำเป็นต้องหลบหนีไปที่ใด ในไม่ช้าพระเจ้าจะทรงขจัดความชั่วร้ายของเขาให้พ้นไปจากท่าน

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นฉันยิ่งสงสัยมากขึ้น ฉันจึงกล่าวกับอิมามฮะซัน อัซการีย์ (อ.) ว่า โอ้นายของข้าฯ เด็กน้อยคนนี้เป็นบุตรของใคร ทำไมจึงรู้ข่าวภายในจิตใจของฉัน อิมามฮะซัน อัซการย์ (อ.) กล่าวว่า เขาเป็นบุตรชายของฉัน และเป็นตัวแทนของฉันภายหลังจากฉัน

อบรมฮีม กล่าวว่า ฉันได้ออกจากบ้านของอิมามด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง และเชื่อในคำพูดของอิมามสิบสอง หลังจากนั้นไม่กี่วันอาของฉันคนหนึ่งได้แจ้งข่าวการตายของ อัมมะริบ เอาฟ์[5]

ตอบคำถามต่าง ๆ

            ดาวดวงสุดท้ายแห่งอิมามัต ไ้ด้ตอบคำถามของบรรดาชีอะฮฺตั้งแต่ปีแรกที่เิริ่มต้นชีวิตอันจำเริญ เป็นคำตอบที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยเหตุผลสร้างความอบอุ่นใจแก่บรรดาสาวกของท่าน จะนำเสนอบางส่วนของรายงานที่เฉพาะเท่านั้น เช่น

            สะอ์ดิ บุตรของอับดุลลอฮฺ กุมมี เป็นหัวหน้าชีอะฮฺที่สำคัญคนหนึ่ง ได้เดินทางไปพร้อมกับอะฮฺมัด บุตรของอิซฮาก กุมมีตัวแทนของท่านอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) เพื่อนำคำถามไปถามท่านอิมามและนำคำตอบให้อธิบายแก่ประชาชน พวกเขาได้เดินทางไปพบท่านอิามามฮะซัน (อ.) และได้เล่าเหตุการณ์การเข้าพบอิมาม (อ.) ด้งนี้ว่า

            พวกเราต้องการถามอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) แต่อิมามได้ชี้ไปที่บุตรชายของท่านอิมามมะฮิดีย์ (อ.) พร้อมกับกล่าวว่า พวกท่านจงถามบุตรชายของฉัน เมื่อเราหันไปหาอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ ท่านกล่าวว่า ท่านต้องการถามสิ่งใดเชิญถามได้เลย เราได้ถามว่าจุดประสงค์ของอักษรย่อในอัล-กุรอาน กาฟฮายาอีนซ็อด หมายถึงอะไร อิมาม กล่าวว่า อักษรเหล่านี้ได้แจ้งข่าวเร้นลับ พระเจ้าทรงแจ้งข่าวนั้นแก่ศาสดาซักกะรียา (อ.) หลังจากนั้นทรงแจ้งแก่ศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) เรื่องราวนั้นเป็นดังนี้ ศาสดาซักกะรียา (อ.) ต้องการให้พระเจ้าสอนนามทั้งห้าของอาลิอะบาแก่ท่าน หลังจากนั้นพระเจ้าทรงประทานให้ญิบรออีลลงมาที่ซักกะรียาเพื่อสอนนามเหล่านั้น เมื่อซักกะรียาได้เรียนรู้นามของมุฮัมมัด อะลี ฟาฏิมะฮฺ และฮะซัน แล้วทำให้อุปสรรคปัญหาของท่านหมดไป แต่เมื่อท่านต้องการเอ่ยนามของฮุซยน์ ลำคอของท่านตีบตันไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ วันหนึ่งท่านได้ทูลต่อพระเจ้าว่า เป็นเพราะเหตุใดเมื่อข้าพเจ้าเอ่ยนามทั้งสี่ ข้าพเจ้าสามารถเอ่ยได้อย่างสะดวกสบาย และปัญหาที่มีอยู่ก็ถูกแก้ไข แต่พอเอ่ยนามว่า ฮุซัยน์ ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นกังวลและมีความทุกข์ใจอย่างไรบอกไม่ถูก อีกทั้งน้ำตาจะไหลรินและเสียงสะอื้นจะออกมาจากลำคอตลอดเวลา หลังจากนั้นพระเจ้าทรงแจ้งเรื่องราวของฮุซัยน์แก่ซักกะรียา ตรัสว่า กาฟฮายาอีนซ็อด เป็นรหัสของเหตุการณ์ดังกล่าว กาฟเป็นรหัสของกัรบะลาอฺ ฮาเป็นรหัสของความตายแห่งครอบครัวของฮุซัยน์ ยาเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงยะซีดผู้สังหารฮุซัยน์และครอบครัว อีนบ่งบอกถึงความหิวกระหายที่เกิดกับฮุซัยน์และครอบครัว ส่วนซ็อดบ่งบอกถึงความอดทนอดกลั้นของฮุซัยน์

            พวกเราพูดว่า โอ้เมาลาของเรา ทำไมประชาชนจึงถูกห้ามไม่ให้เลือกอิมามสำหรับตนเอง

            กล่าวว่า จุดประสงค์ของการเลือกสรร เป็นการเลือกเพื่อปรับปรุงแก้ไข หรือเลือกทำก่อความเสียหาย

            พวกเราพูดว่า เลือกอิมามเพื่อปรับปรุงแก้ไขสังคม

            อิมามกล่าวว่า เนื่องจากว่าไม่มีใครรู้ถึงอนาคตของกันและกัน และไม่รู้ถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น เขาไม่สามารถปรับปรุงให้ถูกต้องได้อย่างแน่นอน หรือไม่รู้ว่าเมื่อเลือกมาแล้วเขาจะก่อการเสียหายหรือว่าปรับปรุง ยิ่งไปกว่านั้นท่านไม่คิดหรือว่าการเลือกสรรของประชาชนอาจเป็นการสร้างความเสียหายก็ได้ พวกเราตอบว่า ใช่ อาจเป็นเช่นนั้น อิมามตอบว่า สาเหตุที่ห้ามไม่ให้เลือกก็เป็นเช่นนี้[6]

            กล่าวว่า มีรายงานยาวมากกว่านี้ ซึ่งอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) กล่าวถึงเหตุผลอื่น และตอบคำถามต่าง ๆ อีกมากมายแต่จะไม่นำเสนอในที่นี้เพื่อความสมในประเด็นที่กำลังนำเสนอ

            การรับของกำนัลต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุปัจจัย

            หนึ่งในกิจกรรมของบรรดาชีอะฮฺคือ การส่งของกำนัลที่เป็นวัตถุปัจจัยต่าง ๆ และทรัพย์สินที่ถูกจัดเป็นทานบังคับ หรือภาษีศาสนาแก่บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.)  ซึ่งหลังจากอิมามรับสิ่งของเหล่านั้นแล้วจะจัดสรรสู่สังคม เพื่อขจัดปัญหาและแก้ไขความความเดือดร้อนของประชาชน

            บุตรของอิซฮาก ซึ่งเป็นผู้แทนคนหนึ่งของอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) กล่าวว่า เมื่อฉันนำทรัพย์ที่บรรดาชีอะฮฺมอบให้กับอิมามไปส่งมอบให้ท่านอิมามอัซการีย์ (อ.) ขณะที่ฉันกำลังมอบทรัพย์สินอยู่นั้น ฉันเห็นบุตรชายของท่านซึ่งมีใบหน้าผ่องใสประหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงยืนอยู่ข้าง ๆ อิมามหันไปกล่าวกับบุตรชายของท่านว่า โอ้บุตรรักของฉันเจ้าจงเปิดของกำนัลและสิ่งของต่าง ๆ ที่บรรดาชีอะฮฺ และผู้เชื่อฟังปฏิบัติตามได้มอบให้เถิด เด็กน้อยท่านนั้นกล่าวว่า โอ้อิมามของฉัน จะให้ฉันเอามือสะอาดไปแตะต้องทรัพย์สินที่อนุมัติและไม่อนุมัติ ซึ่งผสมปรนเปรอกันอยู่กระนั้นหรือ

            อิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) กล่าวว่า โอ้บุตรของอิซฮากเอ๋ย เจ้าจงแยกของเหล่านี้เถิดเพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งของอันใดอนุมัติและไม่อนุมัติ เมื่อฉันแยกถุงแรกออกมาเด็กน้อยท่านนั้นกล่าวว่า ถุงใบนี้เป็นของบุคคลที่ส่งมาจากสถานที่หนึ่งจากเมืองกุม (อิมามระบุชื่อบุคคลและสถานที่) และกล่าวต่ออีกว่า ในถุงใบนี้มีทั้งหมด 62 ดินาร 45 ดินาร เป็นค่าขายที่ดินซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดาของเขา 14 ดินาร เป็นรายได้จากการขายทรัพย์สินของสังคม ส่วนอีก 3 ดินารเป็นค่าเช่าร้านค้า

            อิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) กล่าวว่า โอ้บุตรรักของฉัน เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว ตอนนี้เจ้าจงช่วยแนะนำชายผู้นี้ให้แยกสิ่งของที่อนุมัติและไม่อนุมัติออกจากกันด้วย เด็กน้อยผู้นั้นได้แยกเหรียญที่อนุมัติและไม่อนุมัติออกจากันด้วยความตั้งใจ พร้อมกับอธิบายเหตุผลที่ไม่อนุมัติของเหรียญเหล่านั้นอย่างละเอียด

            หลังจากนั้นฉันได้หยิบถึงอื่นขึ้นมาเด็กน้อยได้ระบุที่มาของถุงเงินใบนั้น สถานที่อยู่อาศัยของเจ้าของ และส่งมาจากที่ใด หลังจากนั้นกล่าวว่า ในถุงใบนี้มีเหรียญอยู่ 50 ดินาร ซึ่งไม่เหมาะสมที่เราจะแตะต้องมัน ท่านอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่บริสุทธิ์ของทรัพย์สินนั้นอย่างละเอียด เวลานั้นอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) กล่าวว่า โอ้บุตรชายของฉันเจ้ากล่าวถูกแล้ว หลังจากนั้นท่านได้หันไปทางอะฮฺมัด บุตรของอิซฮาก พร้อมกับกล่าวว่า จงนำกลับไปคืนให้แก่เจ้าของ หรือแนะนำว่าส่งคืนเจ้าของเขาไปและบอกกับเขาด้วยว่าเราไม่ต้องการทรัพย์สินเหล่านี้[7]

            นมาซมัยยิตให้แก่บิดา

            บทบาทสุดท้ายที่อิมามมะฮฺดีย์ (อ.) กระทำไว้ในช่วงที่ลำยากลำบากก่อนเข้าสู่ช่วงการเร้นกายคือ การนมาซคนตายแก่บิดาสุดที่รักของท่าน อบุลอัดยาน ได้ไปหาอิมามฮะซันอัซการีย์ และกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

            ช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตอันจำเริญของท่านอิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) ท่านมอบจดหมายต่าง ๆ แก่ฉัน และสั่งว่า จงนำจดหมายเหล่านี้ไปยังเมืองต่าง ๆ และหลังจาก 15 วัน เจ้าจะกลับมายังซามิรออ์ เจ้าจะได้ยินเสียงร่ำไห้ดังจากบ้านของฉัน และเจ้าจะไห้เห็นพวกเขาอาบน้ำศพให้แก่เรือนร่างบริสุทธิ์ของฉัน ฉันกล่าวว่า โอ้อิมามของฉัน หากเป็นดังนั้นแล้วใครคืออิมามหลังจากท่าน

            อิมาม (อ.) กล่าวว่า ใครก็ตามที่ต้องการคำตอบจดหมายของฉันจากท่านเขาคือ อิมามหลังจากฉัน

            ฉันกล่าวว่า โปรดบอกสัญลักษณ์อื่นของอิมามแก่ฉันด้วย

            อิมาม (อ.) กล่าวว่า ผู้ใดนมาซคนตายให้ฉันเขาคืออิมามหลังจากฉัน

            ฉันกล่าวว่า โปรดบอกสัญลักษณ์อื่นของอิมามแก่ฉันอีก

            อิมาม (อ.) กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามแจ้งถึงสิ่งที่อยู่ในถุงของฉัน เขาคืออิมามหลังจากฉัน แต่เนื่องจากอาการของอิมามไม่สู้ดีนัก จึงไม่เอื้ออำนวยให้ฉันถามถึงสิ่งที่อยู่ในถุงนั้น

            ฉันได้นำจดหมายไปตามเมืองต่าง ๆ ตามที่อิมามสั่งและรับคำตอบเหล่านั้นมา ดังที่อิมามกล่าวไว้ หลังจาก 15 วัน ฉันได้กลับมายังซามิรออ์อีกครั้ง ฉันได้ยินเสียงร่ำไห้ดังออกมาจากบ้านของท่านอิมาม เห็นพวกเขากำลังอาบน้ำศพให้แก่อิมาม ขณะนั้นฉันเห็นญะอ์ฟัรน้องชายของอิมามอัซการีย์ (อ.) ยืนอยู่ที่ประตูบ้านอิมาม มีชีอะฮฺบางกลุ่่มเข้ามาแสดงความเสียใจพร้อมกับกล่าวแสดงความยินดีต่อตำแหน่งอิมามกับญะอ์ฟัร ฉันกล่าวกับตัวเองว่า ถ้าเขาได้เป็นอิมามจริงตำแหน่งอิมามคงได้รับความเสียหายแน่นอน เนื่องจากฉันรู้จักเขาดี เขาดื่มสุราเล่นการพนันเป็นผู้มีความประพฤติไม่ดี และไม่ใส่ใจต่อหลักการอิสลาม แต่เนื่องจากฉันกำลังตามหาบุคคลที่มีสัญลักษณ์ตามที่อิมามฮะซันอัซการีย์ (อ.) กล่าวไว้ ฉันจึงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับกล่าวแสดงความเสียใจและกล่าวยินดีกับเขาเหมือนกับประชาชนคนอื่น

            แต่เขาไม่ได้ถามหาคำตอบจดหมายจากฉัน หลังจากนั้นอะกีดคนรับใช้ในบ้านอิมาม (อ.) เดินออกมา และกล่าวกับญะอ์ฟัรว่า โอ้นายของฉัน พวกเราอาบน้ำและห่อศพ (กะฟั่น) อิมามอัซการีย์ (อ.) เรียบร้อยแล้ว ท่านจงลุกขึ้นและนมาซคนตายแก่อิมามเถิด ฉันเดินเข้าไปในบ้านอิมามพร้อมกับญะอ์ฟัรและบรรดาชีอะฮฺคนอื่น ฉันเห็นเรือนร่างบริสุทธิ์ของอิมามถูกห่อเรียบร้อยแล้ววางอยู่ตรงหน้าพวกเรา ญะอ์เดินไปข้างหน้าเตรียมที่จะนมาซให้กับอิมามพีชายของตน ขณะที่เขาจะตักบีรอัลลอฮุอักบัร เพื่อเริ่มต้นนมาซเด็กคนหนึ่งมีหน้าตาผ่องใสสะอาดสะอ้านเปล่งประกายขาวนวลเดินออกมา จับเสื้อของญะอ์ฟัรพร้อมกับกล่าวว่า โอ้อาของฉันถอยหลังออกไปเถิด ฉันมีสิทธิ์นมาซให้บิดาของฉันมากกว่าท่าน ญะอ์ฟัรได้ถอยหลังออกไปด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงไม่พอใจ และเด็กคนนั้นได้เข้ามานมาซแทนญะอ์ฟัร หลังจากนั้นเขากล่าวกับฉันว่า จงมอบคำตอบจดหมายเหล่านั้นที่ท่านนำมาแก่ฉัน ฉันได้มอบคำตอบจดหมายตามคำเรียกร้อง และกล่าวกับตัวเองว่านี่เป็นสัญลักษณ์ที่สองที่บ่งบอกว่าเด็กคนนี้เป็นอิมาม คงเหลือเรื่องราวเกี่ยวกับถุงตามที่อิมามกล่าวไ้ว้ ฉันได้เดินเข้ามาหาญะอ์ฟัรซึ่งกำลังร้องไห้เสียใจอยู่ในขณะนั้น มีชีอะฮฺคนหนึ่งถามเขาว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร

            ญะอ์ฟัรตอบว่า ขอสาบานด้วยพระนามของพระเจ้า ฉันไม่รู้จักเขาและไม่เคยเห็นเขามาก่อนหน้านี้

            อบุลอัดยาน กล่าวต่อไปอีกว่าพวกเรานั่งอยู่ ณ ที่นั้น จนกระทั้งมีชีอะฮฺจากเมืองกุ่มเดินทางมา และถามหาอิมามอัซการีย์ (อ.) เมื่อพวกเขาทราบว่าอิมามชะฮีดแล้ว จึงกล่าวว่า จะให้พวกเรากล่าวแสดงความเสียใจกับผู้ใด ประชาชนได้ชี้ไปที่ญะอ์ฟัร พวกเขาได้เข้าไปหากล่าวสลาม กล่าวแสดงความเสียใจและความยินดีพร้อมกัน หลังจากนั้นพวกเขากล่าวกับญะอ์ฟัรว่า พวกเรามีจดหมายมาและทรัพย์สินบางส่วนมาด้วย ท่านจงตอบมาซิว่าจดหมายเป็นของผู้ใด และมีทรัพย์สินเท่าไหร่

            ญะอ์ฟัรโกรธมากเขาลุกขึ้นยืนและกล่าวเสียงดังว่า พวกเจ้าต้องการความรู้เร้นลับจากเราหรือ ขณะนั้นคนรับใช้ในบ้านอิมามเดินออกมาข้างนอก และกล่าวว่า จดหมายที่พวกท่านนำมาเป็นของบุคคลนั้น (เอ่ยนามเจ้าของจดหมายพร้อมกับที่อยู่ของเขา) และกล่าวต่ออีกว่าเงินในถุงที่ท่านนำมามีจำนวน 1,000 ดินาร พวกเขาได้มอบจดหมายและถุงเงินแก่คนรับใช้ของท่านอิมาม (อ.)  พร้อมกับกล่าวว่าผู้ที่ส่งเจ้ามารับจดหมายและถุงเงินคืออิมาม[8]


 

[1] กะมาลุดดิน เล่ม 2 บทที่ 38 หน้า 80

[2] กะมาลุดดิน เล่ม 2 บทที่ 43 ฮะดีซที่ 2 หน้า 162

[3] อ้างแล้วแล่มเดิม บทที่ 42

[4] อ้างแล้วแล่มเดิม หน้าที่ 158

[5] อิซบาตุลฮุดาต เล่ม 3 ภาคที่ 7 หน้า 700

[6] กะมาลุดดีน เล่ม 2 ฮะดีซที่ 21 หน้า 190

[7] กะมาลุดดีน เล่ม 2 หมวดที่ 23 ฮะดีซที่ 21 หน้าที่ 190

[8] กะมาลุดดีน เล่ม 2 หมวดที่ 25 หน้าที่ 223